สมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์นับเป็นปัจจัยที่ห้าที่ช่วยให้การติดต่อสื่อสารและการทำงานมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดการประมูลคลื่นความถี่เพื่อนำไปให้บริการ 5G ย่านความถี่ 700, 2600 เมกะเฮิรตซ์ และ 26 กิกะเฮิรตซ์ โดยมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอปอเรเตอร์) 5 รายเข้าร่วมประมูล ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับเบิลยูเอ็น) ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (ดีทีเอ็น) ในเครือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค, บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ แคท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งจากการเปิดประมูลคลื่นความถี่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้วยเทคโนโลยี 5G
“เพื่อให้สอดรับในการเดินหน้าพัฒนาระบบ 5G กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ได้มอบทุนในการดำเนินงาน “โครงการจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5G ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เพื่อใช้ในการทดสอบการให้บริการโทรคมนาคมไร้สายในระบบ 5G แก่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มในการทดสอบเทคโนโลยี”
จุฬาฯ ผุดแพลตฟอร์มทดสอบ 5G
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.วาทิต เบญจพลกุล ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการทดสอบการให้บริการโทรคมนาคมไร้สายในระบบ 5G ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า “โครงการจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5G ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ได้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับการให้บริการโทรคมนาคม 5G ศูนย์ทดสอบฯ จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มเปิดที่ดำเนินงานด้านการทดสอบ การทดลองวิจัยเทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การทดลองใช้งานจริง และในขณะเดียวกันก็เป็นการพัฒนาบุคลากรคู่ขนานกันไปสำหรับรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งศูนย์ 5G AI/IoT Innovation Center เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเปิดดำเนินการที่อาคารจุฬาพัฒน์ 14 ชั้น M เรามีห้องแล็บ 5 ห้อง มีบุคลากรและนิสิตของจุฬาฯ สลับสับเปลี่ยนกันเข้าปฏิบัติการด้านการทดสอบและวิจัยประมาณ 50 – 60 คน มีพื้นที่สำหรับให้หน่วยงานภายนอกทั้ง Operator และ Vendor ที่สนใจเข้ามาทำการศึกษาวิจัย มาใช้ร่วมกับเราได้เพื่อเรียนรู้ร่วมกันเป็นการสร้างความแข็งแกร่งด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ร่วมกัน สำหรับศูนย์ฯ 5G AI/IoT Innovation Center ที่ได้จัดตั้งขึ้นนี้เราจะทำให้เป็นพื้นที่สาธิตการใช้งานเทคโนโลยี 5G ปัญญาประดิษฐ์(AI) และอินเทอร์เน็ตทุกสิ่ง (Internet of Thing :IoT) เพื่อการศึกษาดูงานให้แก่หน่วยงานและผู้สนใจที่เกี่ยวข้องจากทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้มีโอปอเรเตอร์ ได้แก่ AIS, True, Dtac, TOT/CAT ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อย่าง Intel, Nokia, Ericsson, Huawei หรือบริษัท โตโยต้า ก็เข้ามาร่วมกับเราในการพัฒนายานยนต์อัตโนมัติ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในการจัดตั้งศูนย์ฯ 5G มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ ในการสร้างแพลตฟอร์มเปิดสำหรับการทดสอบ ทดลอง วิจัยเทคโนโลยี 5G เพื่อรองรับการให้บริการโทรคมนาคมยุคใหม่ และเพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากรสำหรับรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคมในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นใช้เป็นพื้นที่สาธิตการใช้งานเทคโนโลยี 5G AI และ IoT นอกจากนี้ยังมีโครงการ use case มากมายในด้านความสมาร์ตต่าง ๆ เช่น Smart Energy, Smart Hospital, Smart Mobility, Smart Robotic เป็นต้น ซึ่งผลการศึกษาวิจัยที่ได้ในโครงการเพื่อเป็นกรณีศึกษาให้สามารถจะต่อยอดและพัฒนาเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์ให้กับประเทศไทยในอนาคตได้
โอปอเรเตอร์หนุน 5G ขับเคลื่อนอุตฯ โทรคมนาคมไทย
โครงการฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานและบริษัท Operator ที่ให้บริการโทรคมนาคมระดับชั้นนำของประเทศไทยจำนวนมาก ได้แก่ AIS, True, Dtac และ TOT/CAT (ซึ่งกำลังควบรวมเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT) ซึ่งปัจจุบัน Operator กลุ่มดังกล่าวได้เข้ายื่นเอกสารประมูลคลื่นความถี่ 5G ประกอบด้วยคลื่นความถี่ทั้งหมด 4 ย่าน คือ ย่านความถี่ 700 MHz, 1800 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ที่ผ่านมาในโครงการฯ นี้โอเปอเรเตอร์ได้มีการติดตั้งและทดลองทดสอบอุปกรณ์สื่อสารระบบ 5G ในพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมในพื้นที่กำกับดูแลเฉพาะ (Regulatory Sandbox) จาก กสทช. จึงทำให้พื้นที่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสามารถจะพัฒนาแอปพลิเคชันและทดสอบการให้บริการใหม่ ๆ สำหรับเทคโนโลยี 5G ปัจจุบันผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมมีแผนดำเนินการที่จะติดตั้งสถานีฐาน (Base Station) จำนวน 15 สถานีฐาน เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานระบบ 5G ในพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตามการจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยสามารถใช้เทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเทคโนโลยี 5G ให้เกิดประโยชน์ในเชิงนวัตกรรมอย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่เพียงเฉพาะแค่ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเท่านั้น เนื่องจากเทคโนโลยี 5G เป็นการเชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ทุกสรรพสิ่งที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้การใช้งานเทคโนโลยี 5G ยังแบ่งฟีเจอร์หลัก ๆ ออกเป็น 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ eMBB (enhanced Mobile BroadBand) ซึ่งเน้นการใช้งานสำหรับระบบที่ต้องการระบบสื่อสารไร้สายที่มีอัตราการรับส่งข้อมูลที่ความเร็วสูงยิ่งยวด mMTC (massive Machine Type Communications) เน้นการใช้งานสำหรับระบบที่ต้องการระบบสื่อสารไร้สายที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากได้พร้อม ๆ กันและประหยัดพลังงาน และสุดท้ายคือ URLLC (Ultra-Reliable and Low Latency Communications) เน้นการใช้งานสำหรับระบบที่ต้องการระบบสื่อสารไร้สายที่มีเสถียรภาพสูงและตอบสนองได้อย่างฉับไว
ทั้งนี้คาดหวังว่าประเทศไทยจะมีศูนย์ทดลองทดสอบ 5G ซึ่งภาคอุตสาหกรรมสามารถจะเข้ามาร่วมวิจัยกับสถาบันศึกษาที่มีความเป็นกลาง ซึ่งโครงการฯ นี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแต่ได้เปิดกว้างให้สถาบันศึกษาและสถาบันวิจัยอื่นๆ สามารถเข้ามาร่วมศึกษาวิจัยได้ เพื่อร่วมกันศึกษาทดลองทดสอบการใช้งานระบบ 5G ในพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งยังมีศูนย์นวัตกรรม 5G, AI และ IoT ที่เปิดให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถเข้ามาศึกษาดูงานสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี และพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี 5G, AI และ IoT ตลอดจนเทคโนโลยีที่สำคัญอื่น ๆ ด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคอุตสาหกรรมอย่างมีหลักวิธี รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า
ทางด้าน นายนิพนธ์ จงวิชิต ผู้อำนวยการกองทุนวิจัยและพัฒนาฯ กล่าวเสริมว่า จากการที่ทาง กสทช. เปิดประมูลคลื่นความถี่ 5G ให้โอปอเรเตอร์ เพื่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยทางกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ได้มอบทุน “โครงการจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5G ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ในการดำเนินงานโครงการทดสอบการให้บริการโทรคมนาคมไร้สายในระบบ 5G แก่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มในการทดสอบเทคโนโลยี ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและนำไปสู่การต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชั่น รวมถึงการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี