พันเอกสรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ แคท เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จะเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท โดยงบประมาณดังกล่าวเป็นงบเบิกจ่ายแทนกันของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส โดยแบ่งออกเป็น 3 โครงการดังนี้
สำหรับโครงการที่ 1 คือการเพิ่มความจุโครงข่ายเชื่อมโยงชายแดนประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา ไปยังสถานีเคเบิลใต้น้ำจังหวัดชลบุรี เพชรบุรี สงขลาและสตูล รวมความจุที่ขยายเพิ่ม 2300 Gbps อยู่ระหว่างการทดสอบและติดตั้งอุปกรณ์ใน 151 สถานีทั่วประเทศ ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2562 โครงการดำเนินการเสร็จแล้วส่วนการจัดซื้อจัดจ้างนั้นอยู่ในรูปแบบคอนเซอร์เตี้ยม ในแต่ละประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โครงการที่ 2 คือ การขยายความจุระบบเคเบิลใต้น้ำที่มีอยู่ไปยัง ฮ่องกง ,สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา โดยดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้วและส่งมอบความจุ งวดที่ 1 และงวดที่ 2 จำนวน 3 ระบบ คือ AAG, APG, FLAG โดยรวมความจุที่ขยายเพิ่ม 1,770 Gbps ซึ่ง CAT ได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วสามารถรองรับปริมาณทราฟิกทั้งประเทศซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7,512 Gbps ใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ 3 คือ การก่อสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศเคเบิลใต้น้ำ ASIA Direct Cable (ADC) ในฐานะที่ CAT เป็นหนึ่งในภาคีสมาชิก ADC ซึ่ง แคท ได้เป็นหนึ่งในภาคีสมาชิกประกาศความร่วมมือที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างระบบ เคเบิลใต้น้ำ ระบบใหม่เชื่อมต่อกับประเทศจีน (เขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมณฑลกวางตุ้ง), ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทยและเวียดนาม โดยได้คัดเลือกบริษัท NEC Corporation ให้รับหน้าที่ก่อสร้างระบบเคเบิลADC ที่มีความยาว 9,400 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาทคาดแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565
“เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถทดสอบระบบรวมถึงส่งมอบสิทธิการใช้งานให้กระทรวงดีอีเอส ภายในปี 2564 โดยจะขยายไปทางตอนเหนือของไทย 9.6 เทราไบต์ และทางตอนใต้ 9.6 เทราไบต์ ซึ่งจะทำให้มีความจุเพิ่มขึ้นจาก 200 กิกะบิตต่อวินาที เป็น 9 เทเรบิตต่อวินาที” พันเอกสรรพชัย กล่าว