นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กรณีที่ระบบของเฟซบุ๊ก มีการแปลที่ทำให้เกิดคำไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้องบนหน้าเพจไทยพีบีเอส (Thai PBS) ในระหว่างที่มีการดำเนินการถ่ายทอดสดพระราชพิธีสำคัญในหัวใจของคนไทยทุกคน ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ
เมื่อรับทราบจากทางไทยพีบีเอส (Thai PBS ) ทางกระทรวงฯได้เร่งประสานไปยังเฟซบุ๊กทันที และได้รับแจ้งว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคของเฟซบุ๊ก และจะดำเนินการแก้ไข ซึ่งทางกระทรวงได้เตรียมการในการดำเนินการต่อ
"แพลตฟอร์มใดก็ตามในต่างประเทศที่ให้บริการคนไทย ทำธุรกิจในประเทศไทย ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพกฎหมายไทย และให้เกียรติ และรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนไทยและสิ่งที่ประเทศไทยยึดมั่นยึดถือด้วย สิ่งที่เกิดขึ้น กระทรวงได้ดำเนินการสื่อสารกับทางเฟซบุ๊กทันทีตั้งแต่เมื่อวาน และเมื่อเช้าก็ได้ส่งจดหมายไปยังเฟซบุ๊ก ทั้งประเทศไทยและทางสิงคโปร์เพื่อให้เฟซบุ๊กแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้อย่างเป็นรูปธรรม"
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพราะการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้อง ถือว่าผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเฟซบุ๊กได้นำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าสู่ระบบ และมีผู้ร้องทุกข์คือ ไทยพีบีเอส (Thai PBS ) ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทเฟซบุ๊ก ตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนในเรื่องความมั่นคง จะใช้กระบวนการยุติธรรมในการขอความร่วมมือไปยังแพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งทางยูทูปได้ดำเนินการตามที่ขอประมาณ 90% แต่เฟซบุ๊กดำเนินการเพียง 28% โดยส่งไป 4,676 เรื่อง ทางเฟซบุ๊กดำเนินการไป 1,316 เรื่อง ดังนั้นจึงต้องสื่อสารไปยังเฟซบุ๊กว่าเมื่อดำเนินการในเมืองไทยก็อยากให้ให้ความร่วมมือในการให้ความเคารพ มีความรับผิดชอบต่อสังคมไทย นอกจากทำจดหมายไปขอให้ทางเฟซบุ๊กแสดงความรับผิดชอบแล้ว ยังขอความร่วมมือในเรื่องการขอให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลต่อไป
นายพุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่อง ไทยพีบีเอส (Thai PBS) ซึ่งทางกระทรวงฯได้ดำเนินการ แต่ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพใคร ตรงจุดนี้ไม่ใช่การปัดภาระ แต่ต้องดำเนินการตามกระบวนการ และหลายๆ เรื่องก็เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ การไปปิด บล็อก จึงไม่สามารถทำได้ทันที แต่อะไรที่เข้าข่ายผิดตามกฎหมายก็ได้ดำเนินการ โดยกระทรวงฯได้ดำเนินการตั้งคณะทำงาน ร่วมกับทาง ISP ในการดำเนินการกับข้อมูลที่ผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ โดยทำให้คณะทำงานมีความกระชับมากขึ้น ทำให้ ISP ดำเนินการตามหมายศาลได้อย่างชัดเจน ต่อเนื่อง มีตัวเลขที่ติดตามและเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบได้
"ขอความกรุณาสื่อมวลชนช่วยสื่อสารว่าขั้นตอนในการดำเนินการมีอยู่ และไม่ช้า สามารถดำเนินการส่งถึงศาลได้ภายใน 3 วัน ซึ่งเราก็นำคำสั่งศาลไปส่งให้ทั้ง ทาง ปอท. ISP และตัวแฟลตฟอร์มเองทันที"
สำหรับในรอบ 7 เดือนแรกของปี 2563 กระทรวงดิจิทัลฯ ได้มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และประสานงานร่วมกับไอเอสพี จนนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งปิดหรือลบข้อมูลในเว็บไซต์ผิดกฎหมายไปแล้ว จำนวน 7,164 ยูอาร์แอล (ขัอมูล ณ วันที่ 23 ก.ค.2563) จากจำนวนที่กระทรวงฯ ได้รับแจ้งทั้งสิ้น 8,715 ยูอาร์แอล และมีการส่งศาล 7,164 ยูอาร์แอล
โดยการกระทำผิดส่วนใหญ่ที่ได้รับข้อมูลจากการแจ้งข้อมูลเข้ามา พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และมีช่องทางอื่นๆ บ้าง ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้ดำเนินการส่งข้อมูลให้กับ บก.ปอท. จำนวน 7,164 ยูอาร์แอล พร้อมพยาน หลักฐาน และคำสั่งศาล เพื่อดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป
กระทรวงดิจิทัลฯ ยังเห็นความสำคัญว่าต้องขอความช่วยเหลือจากประชาชน เพื่อร่วมช่วยกันสอดส่องดูแลเว็บไซต์ไม่เหมาะสม ที่มีการกระทำผิดกฎหมายทางออนไลน์ หรือผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ล่าสุดจึงได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก “อาสา จับตา ออนไลน์” เพื่อเป็นช่องทางรับแจ้งข้อมูลจากประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องและตรวจสอบตลอด 24 ชม. และพิจารณาตามข้อกฎหมายและตอบกลับ และอีกช่องทางหนึ่งคือ หมายเลขโทรศัพท์ 02-141 6747