ไฮไลท์ สำคัญงาน AppleEvent (13 ต.ค63) เป็นไปตามคาด เมื่อ Apple ประกาศเปิดตัว iPhone12 ซีรีส์ รุ่นแรกของ Apple ที่รองรับเครือข่าย 5G
เริ่มจาก iPhone12 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ บางและเบากว่าเดิม และมีสีสันมากขึ้นโดยมีให้เลือก 5 สี น้ำเงิน ขาว ดำ เขียวและแดง iPhone 12 มาพร้อมจอ Super HD Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว หน้าจอกระจกเป็น Ceramic Shield ใช้ชิป A14 Bionic กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับเครือข่าย5G. ระบบชาร์จแบตเตอรี่ MagSafe โดย Apple ได้ปรับปรุงการชาร์จไร้สายให้ดีขึ้น โดยนำแผ่นแม่เหล็กติดด้านหลังเครื่อง เพื่อให้การยึดติดแท่นชาร์จไร้สายได้ดีขึ้น ส่วนราคา iPhone 12 เริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 25,000 บาท
Apple เปิดตัว iPhone 12 mini จอเล็ก และราคาย่อมเยาขึ้น พร้อมจอ Super HD Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว ใช้ชิป A14 Bionic กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับเครือข่าย 5G. ระบบชาร์จแบตเตอรี่ MagSafe ราคา 699 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 22,000 บาท
Apple ยังได้เปิดตัว iPhone 12 Pro มาพร้อมจอ Super HD Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว หน้าจอกระจกเป็น Ceramic Shield มีความทนทานสูงใช้ชิป A14 Bionic กล้องหลัง 3 ตัว ไวด์, อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้ขนาด 12 ล้านพิกเซล มีเลนส์ ทำให้มีคุณภาพซูมได้ 2.5 เท่า และมีการใส่ระบบกันสั่นให้ทำงานทั้งตัว Sensor มีฟีเจอร์ Apple ProRAW รองรับ ถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW ได้ ไม่บีบอัด รวมถึงการถ่ายวิดีโอแบบ Pro สามารถนำไปแต่งต่อ ดึงสี ได้แทบจะอิสระเหมือนถ่ายด้วยกล้องโปร หรือ ถ่ายวิดีโอ HDR ระดับ 20bit พร้อมเทคโนโลยี Lidar ใช้ในการช่วยโฟกัส ทำให้โฟกัสได้เร็วขึ้น รวมถึงการถ่ายวิดีโอในแสงน้อย รองรับเครือข่าย 5G มีให้เลือก 4 สี คือ ขาว เงิน ทอง และดำ. ราคา999 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 31,000 บาท
สุดท้ายคือรุ่นพี่ใหญ่ ที่ Apple จัดเต็ม โดย iPhone Pro MAX มาพร้อมจอ Super HD Retina XDR ขนาดบิ๊กไซร์ 6.17 นิ้ว หน้าจอกระจกเป็น Ceramic Shield มีความทนทานสูงใช้ชิป A14 Bionic กล้องหลัง 3 ตัว ไวด์, อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้ขนาด 12 ล้านพิกเซล ทำให้มีคุณภาพซูมได้ 2.5 เท่า และมีการใส่ระบบกันสั่นให้ทำงานทั้งตัว Sensor มีฟีเจอร์ Apple ProRAW รองรับ ถ่ายภาพแบบไฟล์RAW ได้ ไม่บีบอัด รวมถึงการถ่ายวิดีโอแบบ Pro สามารถนำไปแต่งต่อ ดึงสี ได้แทบจะอิสระเหมือนถ่ายด้วยกล้องโปร หรือ ถ่ายวิดีโอ HDR ระดับ 20bit พร้อมเทคโนโลยี Lidar ใช้ในการช่วยโฟกัส ทำให้โฟกัสได้เร็วขึ้น รวมถึงการถ่ายวิดีโอในแสงน้อย รองรับเครือข่าย 5G มีให้เลือก 4 สีคือ ขาว เงิน ทอง และดำ. ราคา 1,099 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 34,000 บาท