หลังจากที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอีเอส ได้เปิดเผยว่า เอกสารคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ที่เผยแพร่ออกมานั้นเป็นของจริง ซึ่งเอกสารได้ระบุไว้ว่าสื่อใดที่ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐจะมีการระงับการออกอากาศรายการหรือการเผยแพร่ข้อมูลขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
โดยพบว่ามีสื่อ 4 รายและเพจอีก 1 ราย ที่มีการนำเสนอเนื้อหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย ได้แก่ รายการบางส่วนของ Voice TV รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ของ Voice TV , ประชาไท Prachatai.com , The Reporters, THE STANDARD , และเยาวชนปลดแอก Free YOUTH
“การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียที่เป็นปัญหาและผิดต่อกฎหมายเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะตอนนี้มี พ.ร.ก. ฉุกเฉินซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในวันนี้ (19 ต.ค. 63) ประมาณ 11.00 น.ทางกระทรวงได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่วันพุธถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยพบผู้ที่เข้าข่ายมีความผิดกว่า 300,000 URLs ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะแจ้งความดำเนินคดีกับเพจสื่อในวันนี้ ประมาณ 2-3 ราย” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
จากกรณีดังกล่าวส่งผลให้ขณะนี้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์แห่ติด #saveสื่อเสรี และปกป้องสื่อที่ถูกดำเนินคดี รวมถึงมีความคิดเห็นจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ออกมาประณามการกระทำที่เข้าข่ายการปิดกั้นสื่อและลดทอนเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน