3 มีนาคม 2564 ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อินเว้นท์ (InVent) โครงการธุรกิจร่วมลงทุนภายใต้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช ร่วมลงทุนในเทคสตาร์ทอัพ (Tech startup) 2 บริษัท คือ ดาต้าฟาร์ม (Datafarm) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ในรอบ Series A และ สวิฟท์ ไดนามิคส์ (Swift Dynamics) ผู้ให้บริการซอฟท์แวร์และคำปรึกษาด้านการก่อสร้าง ซ่อมบำรุงอาคาร สิ่งก่อสร้างผ่านระบบคลาวด์และเทคโนโลยีไอโอที (Internet of Things (IoT)) ในรอบ Pre-Series A
“นับเป็นโอกาสที่ดีของอินเว้นท์ที่ได้ร่วมลงทุนกับดาต้าฟาร์ม และสวิฟท์ ไดนามิคส์ ซึ่งทั้งสองบริษัทต่างเป็นสตาร์ทอัพแถวหน้าของประเทศไทยในอุตสาหกรรม Cybersecurity และ IoT โดยเทคโนโลยีของทั้งดาต้าฟาร์ม และสวิฟท์ ไดนามิคส์สามารถช่วยยกระดับบริษัทคู่ค้าในการก้าวเข้าสู่ยุค 5G ที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำให้ Cybersecurity มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อลูกค้าองค์กรในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้บริการและป้องกันความเสี่ยงธุรกิจ ในขณะที่ IoT ถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการเก็บข้อมูลพารามิเตอร์ของอุปกรณ์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Smart City Smart Home และ Smart Manufacturing พร้อมประมวลผลและแจ้งเตือนผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์”
นายพิสุทธิศักดิ์ จงบุญเจือ ประธานบริหาร บริษัท ดาต้าฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า การลงทุนจากอินเว้นท์ในครั้งนี้ช่วยสนับสนุนให้บริษัทเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ซึ่งคนไทยเรามีความสามารถทางด้านนี้ไม่แพ้ต่างชาติ จากการสนับสนุนทางด้านเงินทุนและความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทในเครือของ อินทัช และความตื่นตัวของตลาด Cybersecurity ที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทคาดการณ์การเติบโตของรายได้ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้าไว้ที่ 300% และขยายบริการในการเป็นที่ปรึกษาทางด้าน Cybersecurity อย่างครบวงจรให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันและยกระดับความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ในภาพรวมของทั้งประเทศ
ขณะที่ดร. นที สิงหพุทธางกูร ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สวิฟท์ ไดนามิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า สวิฟท์ ไดนามิคส์เป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่โซลูชันมี IoT เป็นจุดเด่น โดยสวิฟท์ ไดนามิคส์มี 2 โซลูชันหลักซึ่งนำ IoT บนเครือข่าย 5G มาเป็นส่วนประกอบสำคัญได้แก่ Sitearound ซึ่งใช้ในการบริหารโครงการก่อสร้าง และโซลูชันที่สองชื่อว่า Sentenance ที่ใช้ในการช่วยบำรุงรักษาอาคารและโรงงาน ซึ่งในปัจจุบัน Sitearound และ Sentenance ได้ถูกนำไปใช้โดยบริษัทชั้นนำของประเทศไทยจากหลากหลายอุตสาหกรรม และเป้าหมายถัดไปของเราคือการนำ AI มาเสริมเพื่อให้การทำงานของทั้ง 2 โซลูชันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งงานบริหารจัดการโครงการ กระบวนการผลิต และงานซ่อมบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (predictive maintenance) โดยสวิฟท์ ไดนามิคส์ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาและใช้งาน IoT เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและทำให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้น”
ด้านนายนิกม์ เจริญสวัสดิ์ ประธานบริหารด้านเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สวิฟท์ ไดนามิคส์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า สวิฟท์ ไดนามิคส์มีแผนที่จะขยายธุรกิจทั้ง Sitearound และ Sentenance ไปยังต่างประเทศ ซึ่งในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ IoT กว่า 21.5 พันล้านชิ้นทั่วโลก ก่อให้เกิดรายได้กว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทตั้งเป้าผลักดันให้ Sitearound และ Sentenance ให้เป็นแพลตฟอร์มระดับสากล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อินทัช’ ผุด Venture Builder ต่อยอดโครงการสตาร์ทอัพอินเว้นท์
‘อินทัช’ โชว์ผลประกอบการกำไรหมื่นล้าน
“อินเว้นท์” ร่วมลงทุนสตาร์ทอัพ “ชมชอบ” เข้าสู่สังคมไร้เงินสด