เวลา 18.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกรายการพิเศษทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท) รายงานการทำงานทุกด้านของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ทั้งด้านสาธารณสุข ด้านความมั่นคง ที่ยืนยันว่ายังประกาศเวลาเคอร์ฟิวให้มากขึ้น เพราะจะทำให้พี่น้องประชาชนหาเช้ากินค่ำใช้ชีวิตลำบาก
“ผมขอให้ท่านแก้ไขพฤติกรรมตัวเอง ยืนยันยังไม่เพิ่มเวลาเพิ่มเติมในการห้ามออกนอกเคหะสถานในตอนนี้”
นอกจากนี้ยังชี้แจงรายละเอียดมาตรการวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ทั้งจากการกู้เงิน และใช้พรบ.โอนงบประมาณในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมาตรการการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ รวมทั้งมาตรการด้านการต่างประเทศ ยืนยันว่าจะมีการออกมาตรการช่วยเหลือเงินเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับคนไทยในต่างประเทศ พร้อมกับขอประชาชนอย่าส่งต่อข้อมูลและข่าวปลอม
“นับแต่ 14 ม.ค.63 จนถึงวันนี้ครบ 100 วันที่ร่วมต่อสู้ โควิด ที่มการเข้มงวดตั้งแต่ต้น ได้รับความร่วมมือทุกฝ่าย ยืนยันสถานการณ์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อต่ำมากกว่าเทียบกับหลายประเทศ ยืนยันว่ามีความพร้อมรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ และประเทศไทยถูกยกให้เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการควบคุมระบาด ขอให้เชื่อมั่นมาตรการของรัฐ ในการปฏิบัติ ขอให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอบคุณทุกฝ่ายที่เสียสละ ประเทศไทยจะต้องชนะแน่นอนครับ”
จากนั้นมีการประกาศข้อกำหนดเพิ่มเติมแห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการผ่อนปรนอาชีพที่สามารถเดินทางได้ในช่วงประกาศเคอร์ฟิว 22.00-04.00น. โดยให้ยกเลิกข้อความในส่วนที่เป็นข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานตามประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 63 และให้ใช้ข้อยกเว้นดังต่อไปนี้แทน
1.การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ข้อกําหนด ประกาศ หรือคําสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ หรือเจ้าหน้าที่ตํารวจ ทหาร หรือพลเรือนซึ่งอยู่ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอื่นและให้ใช้ข้อยกเว้นดังต่อไปนี้แทน
2.การสาธารณสุข ได้แก่ ผู้ป่วย ผู้มีความจําเป็นต้องพบแพทย์และผู้ดูแลบุคคล ดังกล่าว หรือแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องปฏิบัติงาน
3.การขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร น้ํามันเชื้อเพลิง ไปรษณียภัณฑ์ พัสดุภัณฑ์ หนังสือพิมพ์ หรือสินค้าเพื่อการนําเข้าหรือส่งออก
4.การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ได้แก่ ผู้ขนส่งหรือขนย้ายประชาชนไปสู่ที่ เอกเทศของทางราชการหรือของตนเองเพื่อการเฝ้าระวังหรือกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือ ผู้เดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยานหรือสถานที่ขนส่งตามที่ทางราชการอนุญาตและให้เปิด ทําการได้
5.การบริการหรือการอํานวยความสะดวกแก่ประชาชน ได้แก่ ผู้บริการคนไร้ที่พึ่ง ผู้บริการเฉพาะน้ํามันเชื้อเพลิงในสถานีน้ํามันเชื้อเพลิง ผู้บริการส่งสินค้าหรืออาหารตามสั่ง ผู้บริการ ตรวจสอบหรือซ่อมบํารุงไฟฟ้า ประปา ระบบระบายน้ํา ระบบท่อส่งน้ํามันและก๊าซธรรมชาติ ผู้บริการ จัดเก็บและกําจัดขยะมูลฝอย ผู้บริการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ในการสื่อสาร โทรคมนาคม ผู้บริการด้านธนาคาร ตลาดทุน ประกันภัย การกู้ภัย การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ผู้จําเป็นต้องดําเนินการในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือจําเป็นต้องติดต่อราชการกับกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง หรือพนักงานสอบสวน
6.การประกอบอาชีพซึ่งจําเป็นต้องกระทําภายในช่วงเวลาพิเศษ ได้แก่ ผู้เข้า ออกเวรยาม กะ หรือการทํางานตามผลัดเวลาที่กําหนดไว้ตามปกติของทางราชการ เอกชน โรงงาน หรือ การดูแลรักษาความปลอดภัย ผู้ประกอบอาชีพประมง การกรีดยาง การตรวจรักษาสัตว์
7.เหตุจําเป็นอื่น ๆ โดยได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายจากพนักงานเจ้าหน้าที่
โดยกรณีตาม 1-6 ให้บุคคลที่มีความจําเป็นดังกล่าวแสดงบัตรประจําตัว ประชาชนหรือบัตรแสดงตนอย่างอื่น และเอกสารรับรองความจําเป็น เอกสารเกี่ยวกับสินค้า บริการ การเดินทางหรือหลักฐานอื่น ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการ กําหนดรวมถึงการยอมรับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สําหรับกรณีตาม 7 ให้แสดงเหตุจําเป็นพร้อมทั้ง หลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กํานัน นายอําเภอ ผู้อํานวยการเขต หัวหน้าสถานีตํารวจ หรือผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่ออนุญาต
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป