เฟดเตือนภาคการเงินสหรัฐ “เปราะบางอย่างมาก”

ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) เปิดเผยในรายงานด้านเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปี (16 พ.ค.) ว่า ภาคการเงินของสหรัฐฯมีแนวโน้ม “เปราะบางอย่างมาก” ในระยะใกล้ ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป

รายงานระบุว่า ภาวะตึงตัวในงบดุลบัญชีของภาคครัวเรือนและธุรกิจที่เกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเงินนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมานั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างความเปราะบางในภาคการเงินซึ่งจะดำเนินไประยะหนึ่ง ขณะที่ภาคธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ก็อาจจะเผชิญกับภาวะตึงตัวด้วย

รายงานของเฟดระบุเตือนด้วยว่า ราคาสินทรัพย์จะยังคงเปราะบางต่อการร่วงลงอย่างหนัก หากโรคระบาดส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิด ผลกระทบทางเศรษฐกิจย่ำแย่ลงอีก หรือระบบการเงินเผชิญกับภาวะตึงตัวอีกครั้ง

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ในระยะสั้น ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับระยะเวลาในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกนั้น ยังคงอยู่ในระดับสูง

นางลาเอล เบรนาร์ด ผู้ว่าการเฟดระบุในแถลงการณ์เมื่อปลายสัปดาห์ (15 พ.ค.) ว่า การแทรกแซงในระยะแรกนั้น มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องตึงตัว แต่เฟดจะยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดกับปัญหาดังกล่าวของผู้กู้ยืมในภาคธุรกิจที่มีหนี้สินในระดับสูง ซึ่งอาจจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีก หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป

ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เรียกธนาคารรายใหญ่มาให้ข้อมูล หวังจับโกงพวกแอบอ้างรับเงินกู้เยียวยาโควิด-19 โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้ส่งหมายศาลของคณะลูกขุนใหญ่ไปยังธนาคารขนาดใหญ่หลายราย เพื่อขอข้อมูลที่เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนในวงกว้างเกี่ยวกับการใช้โครงการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 660,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

แผนกตรวจสอบการฉ้อโกงของกระทรวงยุติธรรมในวอชิงตันได้ออกหมายศาลดังกล่าวส่งถึงธนาคารต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ธนาคารเหล่านั้นกระทำความผิด แต่จะเป็นการรวบรวมเกี่ยวกับความวิตกที่เพิ่มขึ้นของธนาคารต่าง ๆ ที่ว่า พวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกรัฐบาลกลางสหรัฐฯกวาดล้างในการฉ้อโกงโครงการเงินช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่เรียกว่า โครงการ Paycheck Protection Program (PPP)

ทั้งนี้ โครงการ PPP อนุญาตให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สามารถยื่นขอเงินกู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกับธนาคารต่าง ๆ โดยธนาคารสามารถยกหนี้ดังกล่าวให้กับธุรกิจใด ๆ หากเงินกู้อย่างน้อยที่สุด 75% ถูกนำไปใช้ในการจ่ายเงินเดือนพนักงาน

ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯวิตกว่า เงินสดจำนวนมหาศาลได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้กระทำความผิดฐานฉ้อโกง ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังเตือนว่า บริษัทที่ดำเนินการโดยทุจริตเพื่อขอรับเงินกู้อาจจะถูกดำเนินคดี

ข่าวระบุว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้เปิดการสอบสวนโครงการดังกล่าวในเดือนที่ผ่านมา และได้ดำเนินคดีอาญาแล้วกับผู้กู้ยืมที่แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานะของธุรกิจและจำนวนพนักงาน

ในส่วนของธนาคารต่าง ๆ นั้นมีบทบาทสำคัญในกระบวนการปล่อยเงินกู้ และมีข้อมูลจำนวนมากของธนาคารที่อาจบ่งชี้ถึงผู้กระทำความผิดโทษฐานฉ้อโกงรายอื่น ๆ

สื่อระบุว่า ธนาคารรายใหญ่ได้รับหมายศาลแล้วแต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อธนาคารเหล่านั้น อย่างไรก็ตามข้อมูลในอุตสาหกรรมบ่งชี้ว่า เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป และ เวลส์ ฟาร์โก เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการ PPP ดังกล่าว