ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งสัญญาณแล้วในช่วงสัปดาห์นี้ว่า เขาสนับสนุนแนวคิดที่จะ แจกเงินเยียวยารอบสอง ให้กับประชาชนชาวอเมริกันที่ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสส่วนหนึ่งขานรับนโยบายดังกล่าว โดยออกมาระบุว่า กำลังพิจารณาหลากหลายทางเลือกที่จะส่งความช่วยเหลือทางการเงินไปยังประชาชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คิดและยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่หลายรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ สร้างความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจระลอกใหม่
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีการคาดหมายอย่างมากว่า รัฐบาลสหรัฐอาจมีความจำเป็นต้อง แจกเงินเยียวยารอบสองแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หลังจากที่รอบแรกเริ่มแจกตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยล่าสุด หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ สื่อใหญ่ของสหรัฐ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวกับที่ปรึกษาทำเนียบขาวว่า เขาเห็นด้วยอย่างมากกับการแจกเช็คเงินสดอีกรอบเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 เพราะเชื่อว่าวิธีการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และน่าจะช่วยให้เขามีโอกาสมากขึ้นในการได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น ย้ำว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกชุดหนึ่งซึ่งจะแจกจ่ายอย่างใจป้ำให้กับประชาชน สอดคล้องกับสิ่งที่นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อใหญ่อย่างเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล เมื่อต้นเดือนมิ.ย.นี้ว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณามาตรการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบสอง แต่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ในขณะนี้
มาตรการแจกเงินประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งคล้าย ๆ กับนโยบาย “เราไม่ทิ้งกัน” ของรัฐบาลไทยนั้น เป็นส่วนหนึ่งของ กฎหมาย CARES Act ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Coronavirus Aid, Relief and Economics Security Act โดยตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐได้ทยอยส่งเช็คเงินสดทางไปรษณีย์ให้แก่ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือกรณีได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งมีราว 80 ล้านคนทั่วประเทศ
ในการแจกเงินรอบแรกซึ่งเป็นการจ่ายครั้งเดียวจบนั้น ชาวอเมริกันที่เป็นคนโสดและมีรายได้ไม่เกิน 75,000 ดอลลาร์/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,200 ดอลลาร์ ส่วนคนมีครอบครัวหรือคู่สมรสที่มีรายได้ไม่เกิน 150,000 ดอลลาร์/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือครอบครัวละ 2,400 ดอลลาร์ และอีก 500 ดอลลาร์สำหรับบุตรแต่ละคน ส่วนชาวอเมริกันที่มีรายได้สูงกว่า 75,000 ดอลลาร์/ปี -99,000ดอลลาร์/ปี หรือคู่สมรสที่มีรายได้ 198,000 ดอลลาร์/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนลดลง ในสัดส่วนที่ลดหลั่นลงไป
ขณะที่ ผู้ตกงาน จากสถานการณ์โควิด-19 จะได้รับ เงินช่วยเหลือ เป็นเช็ค 600 ดอลลาร์/สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 4 เดือน หรือ 16 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เช็คเงินสดช่วยเหลือผู้ตกงานสัปดาห์ละ 600 ดอลลาร์ ซึ่งแจกมาตั้งแต่เดือนเม.ย.กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้แล้ว ทำให้มีความวิตกกังวลพอ ๆ กับความหวังว่า รัฐบาลจะมีความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆมาทดแทนให้หรือไม่ ซึ่งคำตอบยังเป็นเรื่องที่คาดเดากันอยู่
นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆนี้ว่า มาตรการแจกเงินช่วยเหลือรอบใหม่หากจะมีขึ้น เร็วที่สุดก็คงเป็นเดือน ก.ค. (ซึ่งหมายถึงกระบวนการพิจารณาของสภา ไม่ใช่การเริ่มต้นแจกเงิน) นอกจากนี้ รีพับลิกันยังต้องการให้เงินเยียวยารอบใหม่เป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้กลับเข้าทำงานมากกว่าจะช่วยผู้ตกงานเหมือนรอบแรก นั่นหมายถึงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ตกงานที่สามารถกลับเข้าทำงาน หางานใหม่ได้ หรือสามารถหารายได้จากทางใดทางหนึ่ง
มีผู้นำเสนอความคิดสนับสนุนแนวทางนี้เป็นทางเลือกเพื่อการพิจารณาของสภาหลายทางเลือกด้วยกัน เช่นนายร็อบ พอร์ทแมน สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน รัฐโอไฮโอ เสนอว่าให้รัฐจ่ายเงินแก่ผู้สามารถกลับเข้าทำงาน 450 ดอลลาร์/สัปดาห์/คน ไปจนถึงสิ้นเดือนก.ค.นี้ (เป็นเงินเพิ่มพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับเงินเดือนที่พวกเขาได้รับจากงานใหม่นั้น) หรือแนวคิดของนายเควิน เบรดี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน รัฐเท็กซัส ที่เสนอให้รัฐจ่ายเงินพิเศษแก่ผู้ตกงานที่สามารถกลับเข้าทำงานคนละ 1,200 ดอลลาร์ โดยให้แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ๆ ละ 600 ดอลลาร์ เป็นต้น
นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่อยากเร่งรัดให้รีบสรุปในเรื่องนี้มากเกินไปซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาดเหมือนเมื่อครั้งการจ่ายเงินเยียวยารอบแรก ซึ่งเมื่อเร็ว ๆนี้ มีการตรวจสอบโดยสำนักงานตรวจสอบบัญชีกลางของสหรัฐ (Government Accountability Office: GAO) พบว่า ในการจ่ายเงินเยียวยารอบแรกนั้นได้เกิดข้อผิดพลาดทำให้มีการสั่งจ่ายเงินแก่พลเมืองที่เสียชีวิตไปแล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 1,400 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลอ้างอิง