ในวันที่ 20 พ.ย. ปีนี้ โจ ไบเดน จะมีอายุครบ 78 ปี และถ้าหากเขาได้รับชัยชนะใน การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ครั้งล่าสุดที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เขาก็จะได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐว่า เป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดขณะเข้ารับตำแหน่ง ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาเป็นหลักประกันยืนยันได้ว่า พร้อม ๆกับตัวเลขอายุที่สูงขึ้นนั้น อุปสรรคชีวิตที่ผ่านมาเยอะ ทำให้โจ ไบเดน มีมุมมองที่สุขุม แข็งแกร่ง และไม่เคยย่อท้อให้กับอุปสรรคใด ๆที่ขวางหน้า
ความขัดสนยากจนในวัยเด็กทำให้ชีวิตของ “โจเซฟ โรบินเน็ตต์ ไบเดน จูเนียร์” (ชื่อเต็ม ๆของโจ ไบเดน) มากด้วยปัญหาและความท้าทาย เขาเกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1942 ในเมืองสแคนตัน รัฐเพนซิลวาเนีย พ่อแม่ของไบเดนอพยพครอบครัวไปอยู่ที่เดลาแวร์ตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ ความลำบากของชีวิตวัยเด็กที่ปากกัดตีนถีบ ทำงานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หาเงิน ทำให้เขามีความอดทน มุมานะ และทะเยอทะนานต้องการให้ชีวิตดีขึ้น เขาสนใจการเมืองตั้งแต่เด็กโดยมีจอห์น เอฟ. เคนเนดี และริชาร์ด นิกสัน เป็นบุคคลต้นแบบ ไบเดนตัดสินใจเลือกเรียนทางด้านกฎหมายจนสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ และเริ่มการทำงานเป็นทนายความหลังเรียนจบ
การได้ทำงานคลุกคลีกับปัญหาของผู้คนที่เป็นลูกความ ทำให้โจ ไบเดน ยิ่งมุ่งมั่นสนใจงานการเมือง และนับตั้งแต่ปี 1973 เป็นต้นมา เขาก็ได้รับเลือกเป็นสภาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์ และสามารถครองตำแหน่งมายาวนานถึง 36 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปรียบมวย “นโยบายหาเสียง” ทรัมป์ vs ไบเดน หมัดต่อหมัด
ถอดรหัสจากโพล: คนกลุ่มไหนเทใจหนุน “ไบเดน”
โดนัลด์ ทรัมป์ ในมุมที่น่ารู้จัก
อุบัติเหตุชีวิตและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อม ๆกันถึงสองคนเกิดขึ้นหลังจากที่โจ ไบเดน ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาได้ไม่นาน ยังโชคดีที่เขาได้พี่สาวเข้าช่วยเหลือในการรับภาระเลี้ยงดูลูกชายกำพร้าแม่ทั้งสองคน กระทั่งหลายปีต่อมา ไบเดนได้พบกับ “จิลล์” ภรรยาคนปัจจุบัน เขาตัดสินใจแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ก็ต้องเผชิญข่าวร้ายอีกครั้งเมื่อ “โบ” ลูกชายคนโต (จากภรรยาคนแรก) ล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งสมองและจากไปในวัยเพียง 40 กว่าปี เหตุการณ์ความสูญเสียครั้งนั้น ทำให้ไบเดนต้องถอนตัวออกจากการโหวตชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2015
ในยุคของประธานาธิบดีบารัก โอบามา (ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2009 ถึง 2017)ไบเดนเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี มีบทบาทเป็นที่จับตามองและเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการต่างประเทศที่โดดเด่นของเขา
ในวันนี้ โจ ไบเดน อาสาลงแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้วยเหตุผลที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์นั้น เป็นภัยอย่างยิ่งต่อสหรัฐอเมริกา หากยังครองตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปี มีแต่จะทำให้ประเทศชาติต้องลำบากมากกว่าเก่า “ทรัมป์จะทำให้เอกลักษณ์ของชาติเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ผมไม่อาจทนดูหรือปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
สื่อต่างประเทศชื่นชมว่า โจ ไบเดน นั้นเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เป็นคนจริงจังกับการทำงาน ถ้อยทีถ้อยอาศัย สงบเสงี่ยม เป็นนักกฎหมายที่พึ่งพิงของชนชั้นล่าง ซึ่งเป็นบุคลิกที่แตกต่างสุดขั้วกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสนจะฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด และโผงผาง
การต่อสู้ครั้งสำคัญนี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ อีกไม่นานก็จะได้รู้ผลกัน