โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนแห่งไต้หวัน จับมือกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกแลกเปลี่ยนความรู้การดูแลผู้สูงอายุ เร่งปั้นบุคคลากรรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบของไทย โดยเฉพาะบุคคลากรดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมระยะยาว ล่าสุดปรับแผนการอบรมและหลักสูตรต่างๆให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์เพื่อลดความเสี่ยงช่วง COVID-19 ระบาด พร้อมนำเทคโนโลยี AR และช่องทางยูทูปเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายทอดความรู้เพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ยั่งยืน
นางเกา เสี่ยว หลิง ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์ต่างประเทศ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน เปิดเผยว่า โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนได้ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขจัดหลักสูตรอบรมบุคลากรเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมระยะยาว เพื่อรับมือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบของไทย
ดังนั้นการศึกษาร่างนโยบายและการสร้างบุคลากรดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยได้เน้นไปที่เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุภาคกลางวันและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของไทยเป็นหลัก แต่เนื่องด้วยวิกฤต COVID-19 จึงทำให้การสัมมนาและหลักสูตรการฝึกอบรมที่จากเดิมวางแผนไว้ว่าจะจัดที่ประเทศไทยต้องเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบออนไลน์ ได้แก่ การอัดวิดีโอคอร์สอบรมออนไลน์ การเรียนรู้ผ่าน AR และการทำวิดีโอบนยูทูปกระตุ้นให้คนที่สนใจมาเข้าร่วมอบรม
ทั้งนี้ มีผู้คนจำนวนมากสนใจชมคลิปวิดีโอ โดยจำนวนคลิกเข้าชมของแต่ละหัวข้อมีจำนวนมากกว่าพันคน มีผู้ที่ทำแบบทดสอบผ่านหลังฝึกอบรมเสร็จและได้รับใบรับรองเป็นจำนวนเกือบ 50 คน คนที่ได้รับใบรับรองนี้จะเป็นบุคลากรสำคัญในการส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในประเทศไทย และเมื่อวิกฤตโควิด19 ผ่านพ้นไปแล้ว กลุ่มบุคลากรเหล่านี้จะมีโอกาสไปฝึกอบรมที่โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน และได้ไปเยี่ยมชมศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมของจริงก่อนใคร ให้บุคลากรเหล่านี้สามารถนำสิ่งที่เรียนมาปฏิบัติจริงได้
ในเดือนเมษายน ปี 2562 นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้นำบุคลากร 8 ท่านเยือนไต้หวันพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเน้นย้ำไปที่การผสมผสานการแพทย์แผนโบราณกับแพทย์แผนปัจจุบันในการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว และในเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนก็ได้จัดเวิร์คช็อปอบรมบุคลากรดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในไทยขึ้น
ภายในงานได้แบ่งปันประสบการณ์การส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นจริงในไต้หวัน ซึ่งนอกจากจะแนะนำรูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมในไต้หวันแล้ว ยังได้แบ่งปันประสบการณ์และผลลัพธ์ของการใช้แพทย์แผนจีนในการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมด้วย เดิมทีในปี 2563 นี้ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนได้วางแผนจัดงานในหัวข้ออื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น หัวข้อการสร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุไต้หวัน2.0 เครื่องมือประเมินอาการโรคสมองเสื่อมและวิธีดำเนินงานในศูนย์ABCซึ่งเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ฯลฯ
แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ส่งผลให้แผนการจัดการทุกอย่างต้องย้ายมาจัดในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด นอกจากนี้ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนยังได้เชิญแพทย์แผนไทยจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมาแลกเปลี่ยนให้ข้อมูลการใช้แพทย์แผนไทยในการดูแลผู้สูงอายุด้วย
คอร์สอบรมนี้แบ่งเป็น 2 หัวข้อใหญ่ ได้แก่ คอร์สอบรมออนไลน์ และการเรียนรู้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมผ่าน AR โดยทั้งหมดนี้ได้เผยแพร่ลงบนแพลตฟอร์มยูทูปและทุกวิดีโอมีเสียงพากย์ภาษาไทยพร้อมคำบรรยายภาษาไทยด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้สูงอายุและผู้เชี่ยวชาญชาวไทยสามารถเรียนรู้ได้สะดวกยิ่งขึ้น และในกลางเดือนธันวาคม จำนวนผู้คลิกชมคลิปวิดีโอคอร์สอบรมบนยูทูปได้พุ่งเกินหนึ่งพันครั้ง จำนวนผู้ชมทั้งหมดราว 10,000คน
อีกทั้ง ยังได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุชาวไทยส่วนมากให้ความเห็นว่าเนื้อหาในวิดีโอมีความชัดเจน เข้าใจง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้จริง และยังได้ประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุที่แตกต่าง โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนยังหวังว่าในอนาคตจะสามารถผสานระบบการดูแลผู้สูงอายุไต้หวัน2.0กับประสบการณ์โครงสร้างการดูแลผู้สูงอายุในไต้หวันผ่านคอร์สอบรมออนไลน์นี้ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถโมเดลการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมในชุมชนให้เข้ากับพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไต้หวันได้สั่งสมประสบการณ์และความสำเร็จเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ การดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม การรักษาด้วยแพทย์แผนจีน และการแพทย์อัจฉริยะมาเป็นเวลานาน อีกทั้งโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนยังได้ตั้งรกรากในภาคกลางของไต้หวันมานานกว่า124 ปี โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจให้บริการทางการแพทย์และแบ่งปันประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมให้กับประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงสำคัญในการร่างนโยบายการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้การดูแลผู้สูงอายุจำเป็นต้องวางแผนอย่างครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่3 “รับประกันสุขภาพที่ดีและส่งเสริมสวัสดิการสำหรับทุกคนในทุกวัย” คอร์สอบรมที่จัดขึ้นก็ได้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่4 “รับรองการศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ทุกคน” นอกจากนี้ การสร้างความสัมพันธไมตรีก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้เช่นกัน แผนคอร์สอบรมออนไลน์ในครั้งนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกประเทศ
อาทิ กระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน กระทรวงสาธารณสุขไทย หน่วยงานที่ดูแลผู้สูงอายุของไทย ฯลฯ นอกจากนี้ ยังบรรลุเป้าหมายเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่7 ที่เน้นย้ำเรื่องความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน