คณะกรรมการที่ปรึกษาความปลอดภัยด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาว่า การเชื่อมโยงกันระหว่างวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนนาก้า และกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน พร้อมกับจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ ถือว่ามีความเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีการยืนยัน
คณะกรรมการของ WHO ระบุว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเรื่องนี้เป็นพิเศษเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีน และการเกิดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
"เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่เกิดขึ้นถือว่าหายากมาก และมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนนาก้าจำนวนเกือบ 200 ล้านคนทั่วโลก" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ WHO ออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังจากที่องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เปิดเผยว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
แถลงการณ์ของ EMA ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกันที่เป็นไปได้ในการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการพัฒนาจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ EMA ได้ทำการตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันกรณีการเกิดลิ่มเลือดที่ผิดปกติในร่างกายของผู้ที่ได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าบางราย
นอกจากนี้ EMA ระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และผู้ที่จะได้รับวัคซีนดังกล่าวจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ และให้ความระมัดระวังต่อการเกิดอาการต่างๆในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งได้แก่ อาการหายใจติดขัด อาการปวดหน้าอก อาการบวมที่ขา อาการเจ็บที่ท้อง อาการปวดศรีษะ สายตาพร่ามัว และอาการบวมที่ผิวหนัง นอกเหนือจากบริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีน รวมทั้งอาการทางระบบประสาทอื่นๆ
อย่างไรก็ดี EMA ยืนยันว่า ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ายังคงมีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"เนเธอร์แลนด์"สั่งระงับฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีผู้เสียชีวิต
“แอสตร้าเซนเนก้า” อึกอัก ขอเวลา 48 ชั่วโมงเปิดเผยข้อมูลใหม่ประสิทธิภาพวัคซีน
"แอสตร้าเซนเนก้า" มั่นใจวัคซีนใช้ป้องกันไวรัสโควิดกลายพันธุ์ได้