ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน(เมื่อวันที่13 เม.ย.) ระบุข้อแนะนำให้สหรัฐระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ทั้งสองหน่วยงานกำลังตรวจสอบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 คนที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
แถลงการณ์ระบุว่า ช่องทางการกระจายวัคซีนของรัฐบาลกลาง รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีนที่เป็นจุดใหญ่ๆ จะระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และคาดว่ารัฐต่างๆ ตลอดจนผู้ให้บริการฉีดวัคซีนรายอื่นๆ จะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน
จนถึงขณะนี้ มีการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มากกว่า 6.8 ล้านโดสแล้วในสหรัฐ
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของ CDC จะประชุมกันในวันพุธนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการพบผู้ที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนของ J&J ขณะที่ทาง FDA จะเริ่มการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน
"จนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เราขอแนะนำให้หยุดใช้วัคซีนนี้เป็นการชั่วคราวเนื่องด้วยข้อควรระวังมากมาย" พญ.แอน ชูชาต์ รองผู้อำนวยการใหญ่ของ CDC และนพ.ปีเตอร์ มาร์ก ผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยและการประเมินยาชีววัตถุ ระบุในแถลงการณ์ร่วม
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ผู้หญิง 6 คนที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนนั้นมีอายุระหว่าง 18-48 ปี โดยอาการเกิดขึ้นในวันที่ 6-13 หลังได้รับวัคซีน หญิงรายหนึ่งถึงขั้นเสียชีวิต ขณะที่หญิงรายที่สองซึ่งอยู่ในรัฐเนแบรสกาเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการวิกฤต
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า โครงการฉีดวัคซีนทั่วสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก จากการที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
เจฟฟ์ ซีนต์ส ผู้ประสานงานหน่วยงานรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่า "การประกาศในวันนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแผนการฉีดวัคซีนของเรา"
ผู้ประสานงานโควิดของทำเนียบขาวระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งซื้อวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาเพียงพอสำหรับฉีดให้ชาวอเมริกัน 300 ล้านคน และได้รับวัคซีนจากทั้งสองบริษัทมากกว่า 25 ล้านโดสต่อสัปดาห์ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ซีนต์ส กล่าวด้วยว่า สัปดาห์นี้ สหรัฐจะได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์และโมเดอร์นา 28 ล้านโดส ซึ่งมากพอสำหรับการเดินหน้าฉีดวัคซีน 3 ล้านเข็มต่อวัน และบรรลุเป้าหมาย 200 ล้านเข็มภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน อีกทั้งยังมากพอที่จะฉีดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนที่ต้องการรับวัคซีน
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐมีขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากสำนักงานยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เปิดเผยว่าทางหน่วยงานกำลังตรวจสอบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในสหรัฐ
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 9 เม.ย. EMA ได้เปิดเผยการตรวจสอบกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 รายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
แถลงการณ์จาก EMA ระบุว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัยได้เริ่มประเมินกรณีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นจากการแข็งตัวของลิ่มเลือด และส่งผลให้หลอดเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว
EMA เปิดเผยว่าความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันกับภาวะดังกล่าวยังไม่ชัดเจน โดยคณะกรรมการด้านความปลอดภัยจะตัดสินใจว่าจำเป็นต้องดำเนินการด้านกฎระเบียบหรือไม่ อาทิ การเปลี่ยนแปลงฉลาก
ปัจจุบันวัคซีนแบบฉีดโดสเดียวของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้รับอนุมัติให้ใช้งานกรณีฉุกเฉินในสหรัฐ และผ่านการอนุมัติในสหภาพยุโรป (EU) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีประเทศสมาชิกใดเริ่มใช้วัคซีนตัวดังกล่าว
ข่าวเกี่ยวข้อง
อียูเร่งตรวจสอบวัคซีนของจอห์นสันฯ หลังพบกรณี "ลิ่มเลือดอุดตัน"
พบผู้มีภาวะ "ลิ่มเลือดอุดตัน" 4 รายหลังฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
WHO ชี้วัคซีนแอสตร้าเซนนาก้าอาจมีส่วนทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน
สธ.วอนประชาชนเชื่อมั่นต่อวัคซีนโควิดในไทย ย้ำมีประสิทธิภาพสูง
วัคซีนโควิด-19 ยังไม่ใช่ในอุดมคติ หมอยงชี้แต่ละยี่ห้อยังต้องพัฒนา