สำนักข่าวจิจิ เพรสของญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ระบุว่า คะแนนนิยมในตัวนายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ร่วงลง สู่ระดับ 32.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว (2563)
สัดส่วนของผู้ตอบแบบสำรวจที่ระบุว่า ไม่สนับสนุนนายซูงะ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 44.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ท่ามกลางความไม่พอใจเกี่ยวกับการรับมือของนายซูงะกับโรคระบาด “โควิด-19” และการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น
ผลสำรวจนี้เป็นฉบับล่าสุด (เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 พ.ค.) ที่แสดงถึงการสนับสนุนนายซูงะที่ลดลง ขณะที่เขาจะเผชิญกับการเลือกตั้งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในเดือนก.ย. ที่จะถึงนี้ และการเลือกตั้งทั่วประเทศซึ่งจะต้องจัดขึ้นภายในเดือนต.ค.2564
สื่อของญี่ปุ่นระบุว่า ผลสำรวจความนิยมดังกล่าวมีขึ้นขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งประกาศขยายการใช้ภาวะฉุกเฉินเพื่อพยายามจะควบคุมการพุ่งขึ้นล่าสุดของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 และท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลที่ยังคงเดินหน้าแผนการจัดกีฬาโตเกียวโอลิมปิก ในขณะที่ผลสำรวจหลายสำนักระบุว่า ประชาชนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้จัดขึ้น
ยังอยากจัดงาน ทั้งที่โควิดยังรุมเร้า
ขณะที่การแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก ใกล้เข้ามา นายซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ก็จำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก 3 จังหวัด (ฮอกไกโด โอกายามะ และฮิโรชิมา) เพื่อคุมสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มอีก 3 จังหวัด หลังจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มมากขึ้น
นายยาสึโทชิ นิชิมูระ หัวหน้าคณะทำงานด้านการรับมือโควิด-19 ของญี่ปุ่น ระบุว่า จังหวัดฮอกไกโด โอกายามะ และฮิโรชิมา จะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่าเดิมตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินใน 6 จังหวัดเพื่อคุมโควิด-19 ซึ่งรวมถึงโตเกียวและโอซากา โดยสั่งห้ามร้านอาหารจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และต้องปิดร้านภายในเวลา 20.00 น. ขณะที่ห้างสรรพสินค้าและอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อื่นๆ ต้องปิดชั่วคราวหรือปิดเร็วกว่าเดิม และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตหรือการแข่งกีฬาไว้ที่ 5,000 คน
สถานการณ์ที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นนี้ เป็นเพราะญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันแตะระดับ 6,000 รายเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อวันที่ 14 พ.ค. และมีรายงานว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้เสียชีวิตในบ้านพัก เนื่องจากโรงพยาบาลไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่ติดต่อได้รวดเร็วขึ้น ประกอบกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ยิ่งซ้ำเติมทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง
BOJ หวั่นเศรษฐกิจถดถอยหากแผนฉีดวัคซีนล่าช้า
ศึกอีกด้านของรัฐบาลญี่ปุ่น คือผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อภาคธุรกิจ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศเตือนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้น เนื่องจากแผนระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 1/2564 หดตัวมากกว่าที่คาด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
“เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอยู่ในสภาพย่ำแย่ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคอยู่มาก BOJ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป และจะดำเนินการในด้านต่างๆ เพิ่มเติมหากมีความจำเป็น” นายคุโรดะกล่าวเมื่อเร็ว ๆนี้ ขณะร่วมงานอีเวนต์ออนไลน์ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยแห่งชาติญี่ปุ่น เขายังระบุว่า BOJ จะพิจารณาขยายระยะเวลาโครงการพิเศษของ BOJ เพื่อสนับสนุนการระดมเงินทุนให้กับภาคเอกชนต่อไป จากเดิมที่จะหมดในเดือนก.ย. นี้ โดยขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ BOJ เริ่มใช้นโยบายดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2563
"ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะบรรเทาลงจนใกล้เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงกลางของระยะคาดการณ์ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปีงบประมาณ 2566 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของแผนระดมฉีดวัคซีนป้องโควิด-19 เป็นหลัก" นายคุโรดะยอมรับว่า ความคืบหน้าของแผนระดมฉีดวัคซีนและประสิทธิภาพของวัคซีนในขณะนี้ยังคงมีความไม่แน่นอน จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดแรงกดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ไม่พร้อม ไม่ต้องจัดดีกว่า
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรเลื่อนหรือยกเลิกการจัดแข่งขันกีฬาโตเกียว โอลิมปิกไปเลยจะดีกว่า หนังสือพิมพ์นิเกอิของญี่ปุ่นยังรายงานเพิ่มเติมว่า แพทย์ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังไม่ครบโดส
ทั้งนี้ การสำรวจพบว่า บุคลากรทางการแพทย์ในเมืองใหญ่ๆที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วนั้น มีจำนวนไม่ถึง 30% ทั้งที่การจัดแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกจะเริ่มขึ้นในอีกเพียง 60 กว่าวันนับจากนี้ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกการแข่งขันดังกล่าว
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ในระหว่างการดำเนินการฉีดวัคซีนของญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 3 เดือนนั้น มีบุคลากรทางการแพทย์ไม่ถึง 40% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส ปัญหาดังกล่าวเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในกรุงโตเกียวและเมืองขนาดใหญ่อื่นๆ
รายงานระบุว่า วัคซีนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในระบบการจองวัคซีนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
การฉีดวัคซีนที่ล่าช้าสำหรับบุคลากรทางการแพทย์กลายเป็นหนึ่งในข้อร้องเรียนของกลุ่มแพทย์ที่ใช้เพื่อต่อต้านการจัดการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิก เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังต่อสู้กับการควบคุมการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และมีอยู่ประมาณ 36 ล้านคน ภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้ ดังนั้นในการที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลวางเป้าหมายที่จะส่งมอบวัคซีนประมาณ 1 ล้านโดสต่อวัน ซึ่งเร็วกว่าอัตราปัจจุบันประมาณ 3 เท่า
นับจนถึงขณะนี้มีประชากรญี่ปุ่นที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสแล้ว เพียง 3.7% ของประชากรทั้งหมด 126 ล้านคน ซึ่งเป็นอัตราการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังล่าช้าในการอนุญาตใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพราะจนถึงขณะนี้ มีการอนุญาตเพียงรายเดียวเท่านั้น คือวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ที่ร่วมพัฒนากับบริษัทบิออนเทค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง