สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งประกอบด้วย 27 ประเทศสมาชิก ให้การรับรอง ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรป อย่างเป็นทางการวานนี้ (20 พ.ค.) ในประเด็น การผ่อนคลายมาตรการจำกัดการท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติ ก่อนฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง ข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่อียูต้องล็อกดาวน์และปิดกั้นนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานานเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด-19
การผ่อนคลายมาตรการ จะส่งผลให้ชาวต่างชาติจากประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อย (ไม่เกิน 75 รายต่อประชากร 100,000 คน) และผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากอียูครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มอียูได้
ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวขอให้ประเทศสมาชิกเปิดพรมแดนแก่นักเดินทางที่มาจากนอกภูมิภาค ภายใต้เงื่อนไขที่พวกเขาต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ที่อียูให้การรับรองซึ่งประกอบด้วยวัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทค , โมเดอร์นา, แอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) รวมถึงวัคซีนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) อนุมัติใช้งานในกรณีฉุกเฉิน(อาทิ ซิโนฟาร์ม) มาครบโดสแล้วก่อนเดินทางเข้าอียูเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน
ส่วนกรณีของนักเดินทางที่เป็นเด็กและเดินทางมาอียูพร้อมกับครอบครัว ตัวเด็กเองได้รับการยกเว้นไม่ต้องฉีดวัคซีนมาก่อน แต่จะต้องมีใบรับรองว่าได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้วและมีผลเป็นลบ (negative) ซึ่งผลการตรวจนั้นต้องไม่นานเกินกว่า 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงอียู
ความเคลื่อนไหวของอียูในครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่คืบหน้าของ ความพยายามที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในยุโรปที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวนน์ ขณะที่ประเทศต่าง ๆทั่วโลกกำลังดำเนินโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้กับประชาชน เมื่อประเทศสมาชิกอียูเห็นพ้องกันแล้วว่าจะเปิดพรมแดนรับนักเดินทางจากนอกภูมิภาคภายใต้เงื่อนไขข้างต้น หลังจากนี้ก็จะเป็นดุลยพินิจของแต่ละประเทศว่าพร้อมจะดำเนินการเมื่อไหร่ ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป
นอกจากนี้ คณะมนตรีฯ ยังบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับรัฐสภายุโรป (EP) ว่าด้วยการเปิดตัว ระบบใบรับรองโรคโควิด-19 ที่อำนวยความสะดวกแก่การเดินทางอย่างเสรีภายในกลุ่มประเทศสมาชิก โดยใบรับรองดิจิทัลจะยืนยันว่านักเดินทางได้รับวัคซีนครบโดส หรือมีผลตรวจโรคเป็นลบ หรือหายดีจากโรคโควิด-19 แล้ว เพื่อการเดินทางแบบไม่มีข้อจำกัด ซึ่งคาดว่าจะถูกใช้งานชั่วคราว 12 เดือน หลังที่ประชุมรัฐสภายุโรปลงคะแนนในญัตตินี้ในเดือนมิถุนายน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง