จากกรณี เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรือตรวจการประมง 1001(สมุย) ได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมการทำการประมงให้เข้าทำการตรวจสอบเรือศิริพงษ์ 25 ซึ่งเป็นเรือประมงอวนล้อมจับ ขนาด 99.96 ตันกรอส ที่ทำการประมงอยู่ในทะเล และเมื่อเดินทางจุดที่มีสัญญาณ VMS ของเรือศิริพงษ์ 25 ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเชีย ห่างจากปากร่องน้ำจังหวัดปัตตานี 120 ไมล์ทะเล กลับไม่พบเรือศิริพงษ์ 25 เเต่กลับพบเรือปั่นไฟชื่อเรือเอกสิริลาภ 41 ขนาด 25.42 ตันกรอส ลอยลำอยู่ และเมื่อเข้าทำการตรวจสอบปรากฏว่าพบอุปกรณ์ vms ของเรือศิริพงษ์ 25 ติดตั้งอยู่บนเรือปั่นไฟลำดังกล่าว จึงได้ควบคุมเรือเอกสิริพงษ์ 41 เข้าฝั่งเพื่อดำเนินคดี และได้แจ้งเจ้าของเรือให้นำเรือศิริพงษ์ 25 กลับเข้าเทียบท่า เนื่องจากในขณะนั้นไม่ทราบว่าเรือลำดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ใด และเมื่อเรืออวนล้อมลำดังกล่าวถูกเรียกกลับเข้าท่าในเรือประมงลำดังกล่าวพบว่ามีสัตว์น้ำอยู่ในเรือจำนวน 2,700 กิโลกรัม จึงได้แจ้งข้อหาและดำเนินคดี
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System; VMS) เป็นระบบอิเล็กโทรนิกส์ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณตำแหน่งของเครื่อง VMS ซึ่งติดตั้งในเรือประมงผ่านระบบดาวเทียมศูนย์ควบคุมการทำการประมง และเจ้าของเรือประมง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเรือประมงทำการประมงถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งได้มีการนำติดตั้งระบบดังกล่าวมาใช้กับเรือประมง ทั้งที่ทำการประมงในน่านน้ำ และในทะเลสากล
โดยองค์กรบริหารจัดการประมงในภูมิภาคที่ดูแลการประมงในน่านน้ำสากลได้กำหนดให้เรือประมงที่เข้าไปทำการประมงต้องติดตั้งระบบ VMS ซึ่งเป็นความรับผิดขอบของ “รัฐเจ้าของธง” และในขณะเดียวกันประเทศที่มีกองเรือขนาดใหญ่และมีขีดความสามารถในการทำการประมง เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ประเทศที่ให้เรือประมงต่างชาติเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำตนเอง เช่น ปาปัวนิวกินี พม่า ก็ได้นำระบบ VMS เข้ามาใช้เพื่อควบคุมการทำประมงของเรือประมงเช่นกัน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของประเทศในฐานะ “รัฐเจ้าของธง” และ “รัฐชายฝั่ง”
การประมงทะเลไทยในอดีตมีปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทั้งปัญหาการประมงในน่านน้ำในประเด็นความขัดแย้งระหว่างชาวประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ ที่เกิดเนื่องจากเรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ลักลอบเข้าไปทำการประมงในเขตชายฝั่ง จนทำให้เกิดความเสียหายให้กับเครื่องมือประมงของชาวประมงพื้นบ้าน การจับทรัพยากรสัตว์น้ำขนาดเล็ก ตลอดจนสิ่งแวดล้อม และปัญหาการทำประมงนอกน่านน้ำไทยของเรือประมงไทย เนื่องจากการที่เรือประมงไทยมีการไปรุกล้ำน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น มาเลเชีย อินโดนีเชีย พม่า
ตลอดจนน่านน้ำอื่นๆ เช่น เยเมน โซมาเลีย แม้แต่ในทะเลสากล เช่นมหาสมุทรอินเดีย ทำให้มีการเรียกร้องให้ประเทศไทยควบคุมกิจกรรมของเรือประมงไทยดังกล่าว ปัญหาเหล่านี้นับวันจะรุนแรงมากขึ้นจนเกิดกระแสต่อต้านในกลุ่ม NGO ไม่ว่าจะเป็น Greenprece, The Gradain, EJF ทั้งในประเด็นการทำประมงผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ ทำให้เกิดคำถามจากทั่วโลกถึง “ความรับผิดชอบของประเทศไทย”