ศาลแพ่ง พิพากษา สั่ง “ทีพีไอโพลีน” ถมคืนพื้นที่ให้ดีเหมือนเดิม หรือคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้กรมอุตสาหกรรมฯ ยังรอลุ้นยกสองอุทธรณ์คดี
วันนี้(2ส.ค.) ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาคดีสิ่งแวดล้อม หมายเลขดำ สว.5/2559 ที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ โดยนายชาติ หงส์เทียมจันทร์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย เรื่องละเมิด เรียกคืนทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และเรียกให้ใช้ค่าเหมืองแร่และค่างวด ทุนทรัพย์พิพาทรวม 1,671,128,829.14 บาท
โดยคดีนี้ศาลแพ่งรับฟ้องไว้เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2559 โจทก์ยื่นฟ้องว่า ระหว่างต้นปี 2546 ต่อเนื่องกันจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2558 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำเลยได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่ตามประทานบัตร จำเลยได้ลักลอบทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ในบริเวณพื้นที่แนวกันเขตห้ามทำเหมือง กรมอุตสาหกรรมฯ
โจทก์ขอเรียกราคาแร่หิน และบังคับให้จำเลยนำแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ ไปถมกลับคืนยังพื้นที่เดิม พร้อมทำการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่จำเลยทำเหมืองแร่ไปโดยผิดกฎหมายให้กลับคืนดังเดิม หรือให้ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำเลย ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด และให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย วันนี้มีผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยมีทนายความมาร่วมฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบหักล้างกันแล้ว จึงมีคำพิพากษาให้ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำเลย นำเอาแร่หินไปถมคืนพื้นที่เดิมให้กลับคืนดีดังเดิม หรือชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย โดยกำหนดเป็นค่าทนายความ 200,000 บาท
อย่างไรก็ตมคดีนี้ยังเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งคู่ความยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 1 เดือน นับจากวันฟังคำพิพากษา