ภาพคู่พ่นพิษ!!! หวั่นไทยซัมมิทในจีนสะเทือน

11 ต.ค. 2562 | 23:47 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2562 | 08:16 น.

 

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาในพริบตา เมื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ออกมาโพสต์ภาพคู่กับโจชัว หว่อง แกนนำนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง ระหว่างเข้าร่วมงาน Open Future Forum  จนทำท่าจะกลายเป็นประเด็นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปซะแล้ว

-โฆษกสถานทูตจีนติงนักการเมืองไทย

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2562 แฟนเพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy in Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยขอชี้แจงเกี่ยวกับ"กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก"และสถานการณ์ล่าสุดในฮ่องกง โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศ "กฎบังคับในเรื่องห้ามสวมหน้ากาก" โดยอาศัยอำนาจจาก กฎระเบียบในวาระฉุกเฉินมีผลตั้งแต่วันที่ 5 เดือนตุลาคม กฎบังคับดังกล่าวห้ามผู้ชุมนุมสวมใส่หน้ากาก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการระบุตัวตนสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ละเมิดถือว่าทำผิดกฎหมาย เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการชี้แจงความเป็นมาและสถานการณ์ล่าสุดของการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง

อย่างไรก็ตาม ในย่อหน้าท้ายสุดได้มีใจความระบุว่า  มีกลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีน ซึ่งสมคบกับกลุ่มอิทธิพลภายนอก เผยแพร่ข่าวลือ บิดเบือนข้อเท็จจริง นอกจากนี้ นักการเมืองประเทศไทยบางคนมีการติดต่อกับกลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีนโดยมีท่าทีเชิงสนับสนุน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดอย่างร้ายแรงและไร้ความรับผิดชอบ ฝ่ายจีนหวังว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถรับรู้ข้อเท็จจริงของปัญหาฮ่องกง ใช้ความระมัดระวัง ทำในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อมิตรภาพจีน-ไทย

แม้แถลงการณ์ของโฆษกสถานทูตฯ จะไม่มีการระบุชื่อหรือรายละเอียดมากกว่านี้เกี่ยวกับ “นักการเมืองไทย”ที่เอ่ยถึง แต่หลายฝ่ายก็ ‘ตีความ’พุ่งเป้าไปที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายที่ถ่ายคู่กับนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและแกนนำคนสำคัญในการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ซึ่งต่อมานายธนาธรได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าเขาไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว และเพิ่งเคยพบนายหว่องเป็นครั้งแรก ใช้เวลาถ่ายรูปกันราว 5 นาทีเท่านั้น

-คำชี้แจงของธนาธรเกี่ยวกับโจชัว หว่อง

ต่อมานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊ค ผมกับโจชัว หว่อง : คำชี้แจงกรณีภาพถ่ายระหว่างผมกับโจชัว หว่อง’ ระบุว่า

เนื่องจากมีความพยายามจะเชื่อมโยงว่าผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับความไม่สงบและกลุ่มผู้ประท้วงจากภาพคู่ระหว่างผมกับโจชัว หว่อง ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1. เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจากนิตยสาร The Economist ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก ให้ไปพูดที่งาน Open Future Festival ที่ฮ่องกง ในหัวข้อเรื่อง “Inside the Minds of Asia’s Next Gen Politicians” ซึ่งในวงเสวนาของผมมีผู้ร่วมรายการสองคนได้แก่ Tim Wilson สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหัวก้าวหน้าจากออสเตรเลีย และ Nurul Izzah Anwar สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมาเลเชีย ลูกสาวของคุณอันวาร์ อิบราฮิม Nurul มาไม่ได้เนื่องจากติดภารกิจ บนเวทีเสวนาจึงเหลือเพียงผมกับ Tim

2. หลังจากที่งานเลิกแล้ว ผมและโจชัว หว่อง พบกันในบริเวณงานและได้คุยกันประมาณ 5 นาที เราถ่ายรูปด้วยกันและแยกย้ายกันหลังจากนั้น

3. นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมพบปะกับโจชัว หว่อง ผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดๆ ในฮ่องกง และไม่มีเจตนาที่จะทำในอนาคต ภารกิจของผมและพรรคอนาคตใหม่คือการสร้างประชาธิปไตยและความก้าวหน้าของสังคมไทย

4. การสนทนาและถ่ายรูปกันในหมู่ผู้พูดในงานสัมมนาต่างๆ เป็นเรื่องปกติ ผมเองก็ได้ถ่ายรูปร่วมกับหลายคนในงาน รวมทั้งกับ Shaun L. Rein และมีโอกาสสนทนากับเขาในหลายๆ เรื่อง มากกว่าที่ผมสนทนากับโจชัวเสียอีก Shaun มาจาก China Market Research Group ผู้เขียนหนังสือ The War for China’s Wallet เขาวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงในฮ่องกง และขึ้นเวทีถกเถียงกับโจชัว หว่อง

5. ในเวทีสัมมนานานาชาติเช่นนี้ การพบปะพูดคุยกับคนที่มีความคิดหลากหลายเป็นธรรมดา และเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้ความเห็นที่หลากหลาย เช่นกรณีของ Shaun ซึ่งยืนยันแนวทางการเมืองของปักกิ่ง แต่ก็เสนอว่าการแก้ปัญหาฮ่องกงต้องลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ให้ทั่วถึงคนส่วนใหญ่ด้วย Shaun ยังชวนผมไปพบเขาหากผมมีโอกาสไปปักกิ่งอีก (ผมแนบรูปคู่ระหว่างผม กับ Shaun มาที่นี้ด้วย)

6. ผมได้พูดถึง “ฮ่องกง” ในระหว่างที่ผมบรรยายอยู่บนเวทีจริง ผมกล่าวว่าเมื่อปลายปี 2560 ตอนที่ผมและเพื่อนๆ กำลังตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของระบอบ คสช. เราครุ่นคิดกันว่าจะสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) หรือพรรคการเมือง (ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เล่าผ่านหลายสื่อในหลายวาระและโอกาสแล้ว) โจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ และฮ่องกงชวนให้เราคิดถึงโมเดลขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม แต่สุดท้ายเราตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองและต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบรัฐสภาแทน เนื่องจากความสูญเสียจากการสลายการชุมนุมปี 2553 ยังคงบาดลึกอยู่ในสังคมไทย

7. ถ้าจะถามผมต่อเรื่องฮ่องกง ผมสนับสนุนการเคารพธรรมนูญการปกครองฮ่องกงหรือ Basic Law ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อฮ่องกงถูกส่งคืนสู่เขตอำนาจอธิปไตยของจีน โดยยึดหลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่างสมดุล และเคารพสิทธิการเลือกตั้งผู้บริหารฮ่องกงอย่างเป็นประชาธิปไตยตามที่ระบุไว้ใน Basic Law มาตรา 45

8. ผมสนับสนุนการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสันติเสมอมา ผมปรารถนาที่จะเห็นสถานการณ์ที่ฮ่องกงคลี่คลายไปได้ด้วยดี ผมไม่ปรารถนาเห็นการใช้ความรุนแรงต่อทั้งพลเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการฟื้นฟูความเชื่อถือและไว้วางใจระหว่างเจ้าหน้าที่กับพลเมืองขึ้นมา ไม่ดำเนินการหรือใช้มาตรการใดๆ ที่ไม่สมควรแก่เหตุ

9. รูปถ่ายระหว่างผมกับโจชัว หว่อง เพียงภาพเดียวถูกนำมาขยายความต่อเกินความจริง โดยปราศจากหลักฐานยืนยันใดๆ สื่อ, กลุ่มคนบางกลุ่ม, รวมถึงผู้นำกองทัพ พยายามเชื่อมโยงผมกับความไม่สงบในฮ่องกงเพื่อสร้างความเกลียดชังในสังคมไทย ผมขอให้ทุกท่านรับข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน และขอยืนยันอีกครั้งว่าเราสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันประเทศสู่ประชาธิปไตย, สร้างความเสมอภาคเท่าเทียมในสังคม และส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้แก่คนรุ่นต่อไป

-สังคมจับตาเขย่าฐานไทยซัมมิทที่จีน

     จากการเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกสังคมตั้งข้อสังเกตไปอีกว่า   การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของนายธนาธร จะไปเขย่าฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งเป็น ธุรกิจของครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ”ในจีนหรือไม่   เนื่องจากปัจจุบัน  สมพร  จึงรุ่งเรืองกิจ”  มารดาของนายธนาธร  นั่งในบทบาทประธานบริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด หรือ ไทยซัมมิท กรุ๊ปส์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย   ที่ก่อนหน้านี้ออกไปลงทุนตั้งโรงงานขนาดใหญ่ที่จีนถึง 2 แห่ง  โดยแห่งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ที่เมือง FUZHOU(ฝูโจว)  ผลิตบอดี้พาร์ตให้กับรถเบนซ์  ประเภทรถตู้  

ต่อมาปี 2554 ลงทุนที่ CHANGSHU (ซางจู)  ผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยี่ห้อ “โครอล” เป็นรถเก๋งขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างค่ายรถเชอร์รี่ แบรนด์รถยนต์ท้องถิ่นของจีน ที่ร่วมกับบริษัท แพนทรัม สัญชาติตะวันออกกลาง 

ภาพคู่พ่นพิษ!!!  หวั่นไทยซัมมิทในจีนสะเทือน

สมพร  จึงรุ่งเรืองกิจ

โรงงานทั้ง 2 แห่งในจีน ผลิตในนามบริษัท ไทยซัมมิท โอกิฮาราฯ (THAI SUMMIT OGIHARA)  โดยสถานะในปัจจุบันโรงงานทั้ง 2 แห่งกลุ่มไทยซัมมิทถือหุ้น 100% มียอดขายรวมกันประมาณ  8,000 ล้านบาทต่อปี   เฉพาะโรงงาน ที่CHANGSHU  อีก 2 ปีมีโครงการจะผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างตัวรถยนต์ให้กับค่าย BMW  โดยเทคโนโลยีในการผลิตทั้งหมด เกิดจากที่เมื่อ 10 ปีก่อน ไทยซัมมิท  เข้าซื้อกิจการบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น โอกิฮารา ผู้ผลิตแม่พิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลก

ภาพคู่พ่นพิษ!!!  หวั่นไทยซัมมิทในจีนสะเทือน

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทฯ มีรายได้เติบโตถึงมูลค่า  80,000 ล้านบาท  ขยายอาณาจักรธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ออกไปยังจีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ , มาเลเซีย และเวียดนาม จนมีบริษัทในเครือแตกแขนงแล้วกว่า 40 บริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ ไทยซัมมิทมีการประกาศชัดเจนว่า ปลายปี 2564 เฉพาะธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์จะมีรายได้ทะลุ 100,000 ล้านบาท !!! 

ยังต้องจับตาการเดินธุรกิจในจีนของไทยซัมมิท กรุ๊ปส์ นับจากนี้ไปจะรุ่งหรือจะร่วง เพราะเหตุจากแรงสั่นสะเทือนเพียงแค่แชะเดียวจากภาพคู่เพียงไม่กี่นาที กำลังลากไปสู่ปัญหาที่อาจบานปลายถึงความมั่นคงทางการเมืองในขณะนี้