กรณีมีการเสียบบัตรแสดงตนและการกดคะแนนแทน 2 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เพื่อลงมติ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำของ ส.ส. ที่ไม่ชอบและฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมถึงจะส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2563 ที่สภาฯ ลงมติวาระสองและเห็นชอบวาระสามนั้น เป็นโมฆะ ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น
ล่าสุดกำลังเป็นประเด็นที่ภาคเอกชนจับตาและเกรงว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 อาจจะเป็นโมฆะ จากปัญหาดังกล่าว ซึ่งหากงบประมาณเป็นโมฆะ จะมีผลให้การใช้งบประมาณของรัฐบาลล่าช้าออกไปอีก 3 เดือน ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย “ฐานเศรษฐกิจ”สำรวจ ความเห็นจากภาคเอกชน ต่างสะท้อนไปในมุมความกังวล เพราะงบประมาณปี2563 คือความหวังเดียวที่น่าจะเข้ามาปลุกเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าหาก พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นโมฆะ ผลกระทบที่จะตามมาคือ เงินที่รัฐบาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และบริหารบ้านเมืองจะไม่ออก หรืออาจมีความล่าช้า เฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนของรัฐบาลในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ประเทศชาติ ประชาชน ราชการ เอกชน และเศรษฐกิจในภาพรวมจะกระทบกันไปหมด และจะกระทบความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน
ขณะที่ประเทศไทยมีคู่แข่งอยู่ทั่วโลก ถ้าในประเทศยังเล่นการเมืองกันไปมา ประเทศชาติก็จะเคลื่อนไปข้างหน้าลำบาก ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเป็นมืออาชีพ และเร่งให้งบประมาณออกมาโดยเร็ว เพื่อให้การพัฒนาประเทศไม่สะดุด ที่ผ่านมารัฐบาลและเอกชนพยายามโปรโมตการลงทุน หากไม่มีงบประมาณในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานตามแผนที่วางไว้จะกระทบความเชื่อมั่น ต่างชาติอาจหนีไปลงทุนประเทศอื่น
“นอกจากนี้ผลกระทบหากงบประมาณเป็นโมฆะ หรือออกล่าช้ามาก ตัวอย่างผลที่จะตามมา เช่น การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ถ้าไม่มีงบก็ไปไม่ได้ งบลงทุน เช่น เขื่อน ฝาย ถนน และอื่น ๆ ที่ต้องทำ ก็จะไม่มีการจ้างงาน ไม่มีการใช้วัสดุก่อสร้างก็จะกระทบกันไปหมด ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน และช่วยกันผลักดันให้งบประมาณผ่านโดยเร็ว เล่นการเมืองไม่ดีต่อบ้านเมือง”
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทุกคนต่างรอคอยงบประมาณปี2563 ซึ่งที่ผ่านมาก็ล่าช้าไปแล้วเป็นเวลา 5 เดือน ซึ่งงบก้อนนี้จะเป็นความหวังและเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าออกมาล่าช้าต่อไปอีกก็อาจทำให้เศรษฐกิจที่ทรุดอยู่แล้วทรุดหนักได้ เพราะเวลานี้เราถูกรุมเร้าจากปัจจัยลบรอบด้านอยู่แล้ว หลายโครงการรอการคลิกออฟในช่วงไตรมาส2 ปีนี้ ก๋อาจต้องล่าช้าออกๆไปอีกย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน และโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวก็จะล่าช้าไปอีก
“ตอนนี้ทุกคนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น หากการเมืองไม่เป็นเอกภาพก็จะส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่นด้านต่างๆ ทั้งภาพลักษณ์ประเทศไทย หาก การบริหารประเทศไม่ขับเคลื่อน และเสุดท้ายประชาชนได้รับผลกระทบ”
สอดคล้องกับที่นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ถ้าจะผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนได้งบประมาณปี2563จะต้องรีบออกมา หากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ยังขับเคลื่อนไม่ได้จะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทย เพราะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในสายตาคนทั้งโลก
“ที่สำคัญอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยถูกเวียดนามแซงหน้าไปแล้วในแง่การลงทุนการลงทุนทางตรงหรือเอฟดีไอที่แห่เข้าไปลงทุนในเวียดนามจำนวนมากขึ้น หากเศรษฐกิจไทยขาดความเชื่อมั่นก็จะยิ่งทิ้งห่างมากขึ้นไปอีก”