เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นวันแรก( 13 พ.ค.63) สำหรับนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ หัวเรือใหญ่ ที่รับไม้ต่อจากนายชาญศิลป์ ตรีนุชกรได้ครบวาระซีอีโอปตท.ไปเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยได้โพสต์คลิปสื่อความกับพนักงานในองค์กรในการนำพาปตท.ภายใต้ความท้าทายที่เจอผลกระทบจาก 2 ปัจจัยเสี่ยง ทั้งการสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก มีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ที่ IMF คาดว่าจีพีพีปีนี้ของโลกจะติดลบ 3 % ของสหรัฐอเมริกาติดลบ 5.9 % สหภาพยุโรปติดลบ 9.5 % และของไทยติดลบ 6.6 % และกราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ตกต่ำในอุตสาหกรรมพลังงาน และส่งผลต่อการดำเนินงานของปตท.
ทั้งนี้ ซีอีโอปตท.คนใหม่ ชี้ให้เห็นว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อผลประกอบการของปตท.ในช่วงไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปีนี้ และหลังจากนั้นช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 จะปรับตัวดีขึ้น
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับกับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงได้มีการตั้ง PTT Group Vital Center เพื่อดูแลและบริหารจัดการในช่วงนี้ รวมถึงการวางแผนไปข้างหน้า โดยการบริหารจัดการของปตท.ที่เรียกว่า 4 R ประกอบด้วย Resilience สร้างความยืดหยุ่นและการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างความปลอดภัยให้พนักงาน ประเมินสุขภาพองค์กรโดยจัดทำ Stress tests ได้แก่ การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จัดลำดับความสำคัญโครงการลงทุนของปตท. จัดทำ Group Value Chain optimization ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ทั้งValue Chain และการรักษาสภาพคล่องขององค์กร
Restart เป็นการ เตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ นำพนังาน ลูกค้า คู้ค้า กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด และรักษาความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มปตท.ไว้ให้ได้
Reimagination การเตรียมความพร้อมเพื่อออกแบบธุรกิจ ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่จะเป็น Next Normal ทั้งธุรกิจ ต้นน้ำ ปลายน้ำ และ New S Curve
Reform เป็นการปรับเปลี่ยนหรือ จัดโครงสร้างองค์กร รวมถึงรูปแบบธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางในอนาคต และพร้อมรองรับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกทุกเมื่อ
นายอรรถพล กล่าวย้ำว่า จากการประเมินสถานภาพขององค์กร จากการจัดทำ Stress tests อยากจะให้พนักงานมั่นใจว่า ปตท.ยังเข้มแข็งอยู่ ในกรณีที่แย่ที่สุดแล้ว ในปีนี้ ผลประกอบการโดยรวมของปตท.จะยังเป็นบวกอยู่ รวมถึงปตท.ยังมีขีดความสามารถในการลงทุนในปีนี้ของทั้งกลุ่มปตท.ประมาณ1.4 แสนล้านบาท และมีแผนลงทุน 5 ปี กลุ่มปตท.ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ที่มีศักยภาพในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ
อีกทั้ง การที่สถาบันเครดิตทางการเงินได้เข้ามาประเมินแล้ว กลุ่มปตท.ได้ให้เครดิต เรทติ้ง อยู่ที่ BBB+ ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเรทติ้งที่น่าลงทุน ( Investment Grade)
นอกจากนี้ แนวความคิดในการบริหารจัดการปตท.ที่ได้แสงวิสัยทัศน์กับอร์ดปตท.ในการคัดเลือกซีอีโอ เป็นแนวคิดที่เรียกว่า Powering Thailand’s Transformation หรือ PTT โดยมีความมุ่งหวังที่จะทำให้กลุ่มปตท. เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศไทย ที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ พัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทย
โดยกลยุทธ์ที่จะทำให้บรรลุแนวคิดดังกล่าว เป็นการต่อยอดจากการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เพิ่มเติมด้วยการเปิดกว้างทางความคิดรับบริบทจากภายนอก ปรับให้ปตท.ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยจะใช้กลยุทธ์เรียกว่า PTT หรือ PTT by PTT ประกอบด้วย Partnership & Platform เน้นการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างพันธมิตร และพัฒนาธุรกิจของปตท.ให้มีลักษณะเป็นแพลตฟอร์ม มากว่าการเป็นผู้ผลิตสินค้าหรือจำหน่ายสินค้า โดยปตท.จะดึงพันธมิตรที่มี knowhow จากต่างประเทศ ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือทั้งรัฐวิสาหกิจ เอกชน ผู้ประกอบการไทย เอ็สเอ็มอี ที่จะสร้าง New Business Model และ New Eco system ร่วมกัน
Technology for all เทคโนโลยีที่เกิดจากการผสมผสานด้วย knowhow นวัตกรรม และดิจิทัล จากทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยจะใช้เทคโนโลยีนี้ในทุกมิติของทุกขบวนการดำเนินงาน ทั้งการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ และใช้การบริหารจัดการองค์กร การขับเคลื่อนสู่ภายนอก สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม
Transparency สร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาธุรกิจ เพื่อให้พนักงานและผู้ปฏิบัติ มีความเข้าใจเรื่อง จีอาร์ซี พร้อมกับพัฒนาการดำเนินงานธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
สำหรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานของแต่ละหน่วยในธุรกิจของปตท. ยังเน้นการสร้างความแข็งแกร่งในหน่วยธุรกิจหลัก การสร้างการเติบโตในหน่วยธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ให้เป็นรูปธรรมให้ได้ ซึ่งหากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว กลุ่มพนักงานปตท.จะร่วมกันผลักดันองค์กรพร้อมกับดูแล ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าและเจริญเติมโตอย่างยั่งยืน