ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่กระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้าน "รถไฟระหว่างไทย – จีน" ครั้งที่ 28 ผ่านระบบ Video Conference กับนายนิ่ง จี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายจีน พร้อมคณะ โดยมี นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และหัวหน้าสำนักงานบริหารโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนด้านการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายศักดิ์สยาม เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เจรจาในส่วนของร่างสัญญา 2.3 (สัญญาการวางระบบราง ไฟฟ้าและเครื่องกล ระบบการเดินรถ ระบบอาณัติสัญญาณ พร้อมจัดหาขบวนรถและฝึกอบรมบุคลากร) มูลค่างาน 50,633 ล้านบาท โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันว่า สกุลเงินที่ใช้ในการชำระค่างานจะเป็นเงินสกุลเหรียญสหรัฐ(ดอลลาร์) ร้อยละ80 ประมาณ 40,506 ล้านบาท หรือ 1,313 ล้านดอลลาร์ และที่เหลืออีกร้อยละ20 ชำระเป็นเงินสกุลบาทไทย ประมาณ 10,126 ล้านบาท
อ่านข่าว อัพเดตรถไฟไทย-จีน
อ่านข่าว เคาะกู้เป็นดอลลาร์ ลุยรถไฟไทย-จีน
ทั้งนี้จะใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดในช่วงระหว่างวันที่ 25เม.ย.-30พ.ย. 62 ในอัตรา 30.82955 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ โดยชำระแบ่งเป็นงวดๆ ของสัญญาที่มีระยะเวลา 5 ปี(63-68) จึงไม่ต้องกังวลเงินค่าเงินบาทอ่อน แม้เวลานี้เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าแต่เชื่อมั่นว่าหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19คลี่ลาย จะทำให้เงินบาทไทยกลับมาแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ว่าในการกำหนดชำระค่างวดงานให้กำหนดในช่วงเงินบาทแข็งค่าด้วย เพราะจะทำให้ไทยดำเนินโครงการนี้อยู่ภายใต้งบประมาณที่กำหนดได้
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการกำหนดวันลงนามในสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน โดยตนจะนำผลการประชุมครั้งนี้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และส่งร่างสัญญาให้อัยการสูงสุดได้ตรวจสอบ พร้อมขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ3เดือน แต่เบื้องต้นได้แจ้งทางผู้แทนจีนไปว่าการลงนามจะมีขึ้นไม่เกินเดือนต.ค.63 แน่นอนในประเทศไทย โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
อย่างไรก็ตามหากสามารถเร่งรัดได้เร็วกว่านั้นจะรีบดำเนินการทันที เนื่องจากโครงการรถไฟไทย-จีน ค่อนข้างล่าช้า เพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าโครงการฯ จะมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า เพื่อในอนาคตไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนในการรับสินค้าจากจีน และลาว ส่งต่อผ่านไทยไปตอนใต้ยังประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า และกัมพูชา ทั้งนี้ได้พูดคุยกับผู้แทนจีนด้วยว่าขอให้ช่วยพิจารณานำบุคลากรที่จะจัดส่งมาไทยไปตรวจสุขภาพก่อน เพราะเวลานี้สถานการณ์ในไทยอยู่ในมาตรฐานสูงมาก และมีผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญจนแทบไม่มีแล้ว ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการที่จะไม่เกิดผลกระทบจากไวรัสโควิด-19