นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยระหว่างการประชุมมอบนโยบาย “พลังานสร้างไทย” กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารและข้าราชการระดับสูง ว่า ต้องการให้กระทรวงฯ เร่งรัดการลงทุน โดยในส่วนของโครงการลงทุนของ บมจ.ปตท. ,การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขอให้ช่วยเหลือชุมชน ตั้งแต่การเกษตรไปจนถึงการท่องเที่ยว มองไปถึงช่องทางจำหน่าย รวมถึงการจ้างงาน ซึ่งควรจะเร่งรัดโครงการที่จะลงทุนปีหน้ามาเป็นปีนี้ เพื่อลดผลกระทบเศรษฐกิจที่หนักมากจากโควิด-19 (Covid-19) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมทั้งเร่งรัดการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนที่คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า
“กระทรวงพลังงานต้องเร่งลงทุนและช่วยเหลือชุมชน ปตท. และ กฟผ. ควรร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้านเชื่อมต่อเส้นทางท่องเที่ยว การเกษตร รับเด็กจบใหม่ เช่น วิศวะ ไปฝึกงานให้มีงานทำ รวมทั้งดูแลลดราคาก๊าซหุงต้ม เอ็นจีวี เพื่อลดค่าใช้จ่ายภาคประชาชน โดยในเวลานี้ทุกฝ่ายต้องช่วยสร้างเม็ดเงินไปสู่ชุมชนทั้งหมด"
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการเตรียมแผนงานด้านพลังงานเพื่อลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ให้กับประชาชนหลังสถานการณ์เชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมีสาระสำคัญที่จะดำเนินการ 3 ด้านในช่วงปี 2563-2565 ประกอบด้วย
1.ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 (Covid-19) ที่ผ่านมาและดำเนินการต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ผ่านมาตรการช่วยเหลือสำคัญ เช่น ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการนำเข้า Spot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ (Minimum charge) ถึง กันยายน 63
การตรึงราคาแก๊สหุงต้มถึง กันยายน 63 และจะพิจารณาขยายไปถึงธันวาคม 63 การช่วยเหลือส่วนต่างราคา NGV สำหรับรถสาธารณะ โดย ปตท. ช่วยเหลือส่วนต่างราคาจนถึง กรกฎาคม 63 การจัดโครงการพลังงานร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 แจกแอลกอฮอล์โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประเทศกว่า 2 ล้านลิตร การลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันลง 50 สตางต์ต่อลิตร และลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์ต่อลิตร
,2.เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงาน รวมกว่า 2 แสนล้านบาทในปี 63 สร้างการจ้างงานกว่า 10,000 คน โดยในปี 63 จะมีการเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ เริ่มดำเนินการ LNG Hub เริ่มการลงทุนพัฒนา Grid Modernization และศึกษาความเป็นไปได้ของ Grid Connectivity กับประเทศเพื่อนบ้าน การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม และเร่ง LNG receiving Terminal
และ3.กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน ซึ่งต่อจากนี้ กฟผ. จะกระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย และ ปตท. จะจัด Living Community Market Place และเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue card พร้อมทั้ง กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีแผนที่จะขยายสายส่งไฟฟ้าเพื่อผันแม่น้ำยวมสู่อ่างเก็บน้ำภูมิพลเพื่อชลประทาน และยังช่วยลดปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้ด้วย รวมไปถึงการพิจารณาหาแนวทางการนำไฟฟ้าส่วนเกินมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านโรงไฟฟ้าชุมชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เกิดการลงทุนและสร้างรายได้กว่า 2 พันล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน เมื่อครบเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ การใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการซื้อขายปาล์มภาคพลังงานทั้งระบบ จะเกิดการหมุนเวียนรายได้กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท และการลงทุนเพื่อช่วยประกอบการ Start up โดย ปตท. สนับสนุนทุนไปแล้วกว่า 17 ราย และ กฟผ. จะมี Innovation Holding Company เข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Disruptive technology นอกจากนี้ ยังมีแนวทางที่จะบูรณาการทำงานกับหน่วยงานอื่น เพื่อผลักดันการพัฒนา E-Transportation ให้ครบวงจร
ซึ่งกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยจะเร่งเดินหน้าตามแผนงานดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนมีรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการสร้างรายได้ชุมชนทั้ง กฟผ. ปตท. และทุกหน่วยงานนั้น จะมีการพิจารณาหาแนวทางการนำไฟฟ้าส่วนเกินในราคาทุนมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะสร้างห้องเย็น ใกล้สายส่งไฟฟ้าแรงสูง หรือสถานีย่อยนำร่องภาคละ1 แห่ง เพื่อให้เกษตรกรเช่าห้องเย็นราคาถูก เพื่อยืดอายุผลผลิตและขายได้ราคา โดยจะมีการนำร่องภาคละ 1 แห่ง เช่น สถานีหลังสวน จ.ชุมพร เพื่อเก็บมังคุด เป็นต้น
“กฟผ.จะมีการจัดตั้งบริษัท Innovation Holding ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กฟผ. ถือหุ้น 40% ,บริษัท ราช กรุ๊ป ถือหุ้น 30% และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ถือหุ้น 30% เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Disruptive technology ผลักดันการพัฒนา E-Transportation ให้ครบวงจร”