รอบอู่ตะเภาคึก ดันที่ดินพุ่งกระฉูดไร่ละ30ล้าน

ราคาที่ดิน รัศมีโดยรอบ มหานครการบินอู่ตะเภา เริ่มขยับสูง มีนักลงทุนเก็งกำไรเคลื่อนไหว เข้าพื้นที่กว้านซื้อที่ดิน นับตั้งแต่รัฐบาลเคาะแผนขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและเมืองการบิน เริ่มตอกเข็มปีหน้า สถานการณ์โควิดคลี่คลาย การชิงขุมทองปักหมุดโครงการ รองรับความเจริญ น่าจะคึกคักยิ่งโดยเฉพาะ ทำเลบ้านฉาง

นายเปรมสรณ์ ศรีวิบูลย์ชัย นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดระยอง /กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท วีพี เรียลเอสเตท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นับตั้งแต่รัฐบาล ฉายภาพ มหานครการบิน ตั้งแต่ 5 ปีก่อน ทำให้เกิดกระแสการเข้ามาซื้อที่ดิน ในพื้นที่คึกคัก ราคาที่ดิน ขยับสูงหลายเท่าตัวโดยเฉพาะรัศมีรอบเมืองการบินอย่าง อำเภอบ้านฉาง ราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิท 4-5 ล้านบาท/ไร่ ขยับเป็น 10 ล้านบาท/ไร่ ก่อนขยับขึ้นอีกระลอก เป็นไร่ละ 20 ล้านบาท เนื่องจากรัฐเคาะแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสนามบินอู่ตะเภา และล่าสุด มีความเคลื่อนไหวไฮสปีด มีแผนเข้าพื้นที่ในปีหน้า 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

•  (คลิป) ว๊าวมากๆ "เมืองการบินอู่ตะเภา" โฉมใหม่ สมาร์ท แอร์พอร์ต ของไทย
• "อีอีซี" เซ็นสัญญาร่วมลงทุน “เมืองการบินอู่ตะเภา” วันนี้

แพงเวอร์ ไร่ละ 30 ล้าน

อีกทั้งมหานครการบินอู่ตะเภา สนามบินนานาชาติ แห่งที่ 3 เซ็นสัญญาขยับลงมือก่อสร้าง พบว่า มีการบอกขายที่ดินในราคาสูงถึงกว่า 30 ล้านบาทต่อไร่ ทำเลติดถนนสุขุมวิท บริเวณ โลตัสบ้านฉาง จากเดิมเมื่อ 5 ปีก่อน บริเวณนี้ราคาขายอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท มองว่าราคาที่ดินปรับสูงจนใกล้ชนเพดาน ขณะช่วงการมาของโควิด อาจทำให้ราคาที่ดินทรงตัวบ้างแต่คาดว่าปีหน้า ราคาน่าจะขยับได้อีก จากการเข้าพื้นที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ

มีดีมานด์ หาที่ไม่ได้

ขณะ ผู้ประกอบการบ้านจัดสรร ต่างได้รับผลกระทบ “มีดีมานด์ แต่ที่ดินไม่มี” ไม่สามารถซื้อที่ดินพัฒนาต่อเนื่องได้ เนื่อง จากที่ดินถูกปั่นจนสูง ไร่ละ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนในซอย ห่างจากถนนสุขุมวิท ราคาที่ดินขยับ ไม่ตํ่ากว่า 3 ล้านบาท จากเดิม ไร่ละ 1 ล้านบาท จึงเป็นต้นทุนที่สูง บ้านอยู่อาศัยรองรับเรียลดีมานด์กลุ่มราคา 2-3 ล้าน บาท พัฒนาไม่ได้ แม้ ความต้องการ ผู้ซื้อบ้านมี แต่กลับไม่มีที่ดินให้พัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการถูกจับจองจากนายทุนต่างถิ่นและหากหาซื้อได้แต่ราคาแพงเกินจริง

ทางออกทำได้อย่างเดียวคือ พัฒนา บ้านหรู ซึ่งบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการระดับราคา ตั้งแต่ 6 ล้านบาทขึ้นไปถึง 15 ล้านบาทรองรับผู้บริหาร ในนิคมอุตสาห กรรม สำหรับบริษัท พัฒนาที่ดินรายใหญ่ในพื้นที่บ้านฉางที่ได้อานิงส์มากที่สุดและอยู่ระหว่างเดินหน้าพัฒนา คือ บมจ. อีสเทอร์น สตาร์ เนื่องจากมีแลนด์แบงก์สะสมในมือนับ 1,000 ไร่ รวมทั้งดีเวลอปเปอร์รายใหญ่จากกรุงเทพฯ

“ที่ดิน บ้านฉางติดถนนสุขุมวิท พัฒนาได้อย่างเดียวคือ โชว์รูม โรงแรม ฯลฯ ซึ่ง ที่เข้ามาแล้ว จะเป็นโฮมโปร ไทวัสดุ และดูโฮม”

บิ๊กทุนเคลื่อนไหวคึก

สำหรับการเคลื่อนไหว ปักหมุดทุนรายใหญ่ เริ่มเข้าพื้นที่ มากขึ้น มีการปรับที่ดิน แต่ติดโควิด จึงหยุดโครงการออกไป คาดว่าจะเริ่มเดินต่อ หลังจาก รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ทั้งหมดแล้ว อย่าง กลุ่มแกรนด์แอสเสท ประกาศพัฒนามิกซ์ยูส โรงแรม คอนโดมิเนียม เช่นเดียวกับกลุ่มออริจิ้น บริษัทอสังหาที่ประกาศลงทุน มิกซ์ยูสกลุ่มเกษมกิจ ที่ มีแผนลงทุนโรงแรมในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาต ก่อสร้าง กลุ่มเชอราตัน ลงเครื่อง จักร เตรียมก่อสร้าง โรงแรม ที่แหลมแม่พิมพ์ เป็นต้น

ขณะโรงแรมในจังหวัดระยอง ไม่กระทบโควิดมากนัก เนื่องจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เหมา ห้องให้พนักงานพักอาศัย ช่วงเคอร์ฟิว รวมทั้งบริษัทดำเนินธุรกิจโรงแรม ซึ่งมีแผนขยายการรองรับนักท่องเที่ยวในระยะยาวอีกด้วย

2ทุนโรงแรมเปิดปีหน้า

นางธีรวัลคุ์ เตชะอุบล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการ กลุ่มโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ เปิดเผยว่าปัจจุบันเกษมกิจ กรุ๊ป อยู่ระหว่างการลงทุนสร้างโรงแรม แคนทารี บ้านฉาง ขนาด 160 ห้องลงทุนราว 400 กว่าล้านบาท โดยได้ลงทุนมากร่วมปีกว่าแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปลายเดือนมี.ค.ปีหน้า ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะรองรับกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่อีอีซี และรองรับเมืองการบินอู่ตะเภา เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในอ.บ้านฉาง ใกล้สนามบินอู่ตะเภา

ด้านนายชายนิด อรรถญาณสกุล กรรมการบริษัทแกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างลงทุนโครงการมิกซ์ยูสที่จ.ระยอง ซึ่งประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียม วิลล่าหรู และโรงแรม ภายใต้เชนไฮแอท ลงทุนราว 5 พันล้านบาทเพิ่งเริ่มลงทุน ซึ่งในส่วนของโรงแรมคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 64

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,587 วันที่ 28 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563