ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง กรอบวงเงิน 10,300 ล้านบาท ซึ่ง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมประมงประสานธนาคารเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ดำเนินการเปิดตัวโครงการดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ด้วยการจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำช่วยเสริมสภาพคล่องโดยเฉพาะในยุคโควิด
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงไทย แถลงวันนี้ (1 ก.ค.63) ว่า โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงเป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรฯ โดยคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงไทยจัดทำนำเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ซึ่งจะเปิดรับชาวประมงพื้นบ้านและพาณิชย์ เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันนี้ 1 กรกฎาคม 2563 – 25 พฤษภาคม 2564
“เป็นโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำซอล์ฟโลนดังกล่าวถือเป็นโครงการสินเชื่อประมงที่มีวงเงินมากที่สุดครอบคลุมทั้งประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยรัฐบาลจัดงบประมาณช่วยดอกเบี้ยเป็นเงิน 2,163 ล้านบาท และยังเป็นโครงการฯ ที่เกิดจากการมีส่วนร่วมมากที่สุดของทุกภาคส่วน ซึ่งหวังว่าโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องชาวประมงที่รายได้ลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น”
ด้านนายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ชาวประมงสามารถกู้เงินไปเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพได้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 และผู้ประกอบการประมงจ่ายสมทบเองอีกร้อยละ 4 ต่อปี มีกำหนดชำระคืนเงินกู้ให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลา 7 ปี นับตั้งแต่วันที่กู้ ซึ่งจะเปิดรับสมัครชาวประมงที่สนใจเข้าร่วม ณ สำนักงานประมงจังหวัดชายทะเลทั้ง 22 จังหวัด และสำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นางสุดารัตน์ กลิ่นเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ (ผู้แทนธนาคารออมสิน) และนายประสาน พูลเวช รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนโยบายรัฐ (ผู้แทน ธ.ก.ส. ) แถลงว่า สำหรับรูปแบบสินเชื่อแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) สินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็ง ฯลฯ (2) สินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เพื่อเป็นเงินทุนในการไปปรับปรุงเรือ ปรับเปลี่ยนเครื่องมือและอุปกรณ์ทำการประมง โดยมีธนาคารของรัฐที่เข้าร่วม 2 แห่ง ได้แก่ (1) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ปล่อยวงเงินสินเชื่อ 5,300 ล้านบาท สนับสนุนเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ ที่มีขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส ในวงเงินรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท (2) ธนาคารออมสิน ปล่อยวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท สนับสนุนเรือประมงพาณิชย์ ที่มีขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป ในวงเงินรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท
นายพิชัย แซ่ซิ้ม เลขาธิการสมาคมการประมงประเทศไทย และนายปิยะ เทศแย้ม รองนายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ และกรมประมงที่เข้าใจความเดือดร้อนของพี่น้องประมงโดยสนับสนุนโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในครั้งนี้ซึ่งเป็นโครงการที่ทั้งภาครัฐและสมาคมประมงได้ร่วมคิดร่วมทำมาด้วยกันตั้งแต่ปีที่แล้วโดยหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูอาชีพประมงให้ยืนได้ในภาวะวิกฤตโควิด