นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ “ก.ล.ต.” เพื่อออกและเสนอขาย "หุ้นกู้" ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ภายใต้โครงการตราสารหนี้ (Medium Term Note Programหรือ MTN Program) จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย
หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือกรีนบอนด์ อายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทน 2.25% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 7 ปี ผลตอบแทน 2.85% ต่อปี กำหนดจ้ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และแบบแสดงรายการข้อมูลฯ และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับแล้ว โดยหุ้นกู้ดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA(tha) จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 โดยเป็นอันดับเครดิตสูงสุดสำหรับตราสารหนี้ที่ออกในประเทศไทย
ทั้งนี้ ปตท. จะให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. (8 รุ่น ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปแล้วระหว่างปี 2559 ถึง 2562 ซึ่งสามารถตรวจสอบสิทธิผ่านทาง Website: https://pttdebenturegw.pttplc.com/bondrightchecking ได้ระหว่างวันที่ 8 - 20 กรกฎาคม 2563) ในการจองซื้อหุ้นกู้เฉพาะรุ่นอายุ 7 ปี ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 และจะเปิดจำหน่ายหุ้นกู้กรีนบอนด์ อายุ 3 ปี และหุ้นกู้อายุ 7 ปี ให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป ในระหว่างวันที่ 21-23 กรกฎาคม 2563 โดยมีรายละเอียดดังนี้
20 กรกฎาคม 2563 วันเปิดจองซื้อ หุ้นกู้ อายุ 7 ปี สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกู้เดิม (จองซื้อไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อรายต่อธนาคาร)
21-23 กรกฎาคม 2563 วันเปิดจองซื้อ กรีนบอนด์ อายุ 3 ปี สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป (จองซื้อไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อรายต่อธนาคาร) และ หุ้นกู้ อายุ 7 ปี สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป
โดยได้แต่งตั้งธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
นายอรรถพล กล่าวต่อไปอีกว่า วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการลงทุน เป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือเพื่อทดแทนเงินกู้ที่ครบกำหนด ส่วนการระดมทุนผ่านหุ้นกู้กรีนบอนด์ อายุ 3 ปีนั้น ปตท. จะนำไปใช้ลงทุนในโครงการเพื่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ ที่ ปตท. ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อาทิ โครงการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและลดภาวะโลกร้อน เพื่อดูแลป่าในระยะยาว และศูนย์เรียนรู้ของสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท.
โครงการดังกล่าวจะสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะโลกร้อน เพิ่มพื้นที่ป่า และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรได้ ตามแนวทางการออกกรีนบอนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ปตท. ถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ออกและเสนอขายกรีนบอนด์ให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนฯ ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ปตท. ยังเป็นบริษัทแรกในโลกที่ได้รับ Certificate ด้านโครงการอนุรักษ์ป่า (Forest Conservation Project) จาก Climate Bonds Initiative (CBI) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นและให้ความสำคัญเรื่องการลงทุนเพื่อสนับสนุนสังคมและเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“มั่นใจว่าหุ้นกู้ของ ปตท. จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนแสวงหาโอกาสการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงสูงและดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นกิจการที่ให้ความสำคัญในการรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ปตท. ดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลมุ่งสู่เป้าหมายการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับทุกภาคส่วน”
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่จำกัด ซึ่งสะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA(tha) จากการจัดอันดับของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือนี้ จะให้กับผู้ออกหุ้นกู้หรือตราสารหนี้ที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำที่สุด ในขณะที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอตลอดอายุของหุ้นกู้อีกด้วย
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร ทั้งที่ดำเนินการเองและลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ม ปตท. มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการร่วมสร้างสังคมไทยให้แข็งแรง
โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา ปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการความยั่งยืนขององค์กรที่เทียบเคียงกับบริษัทชั้นนำ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจขององค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเชื่อมั่น และยั่งยืนให้แก่ประเทศไทย