ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันจำเป็นต้องวางแผนปรับตัวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะด้านการบริหารความเสี่ยงที่อาจกระทบกับการดำเนินธุรกิจ การปรับตัวหลังเกิดภาวะวิกฤต COVID-19 นอกจากนี้ธุรกิจยังต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้พร้อมรับกับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ เช่น การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความคล่องตัว การเพิ่มจำนวนคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบกึ่งอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและการให้บริการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ๆ จากเดิมเคยให้บริการลูกค้ารายเดิม แบบเดิม อาจต้องปรับตัวหาลูกค้าจากช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติม และนำเสนอบริการในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุค New Normal ให้ได้มากที่สุด
บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทยูนิไทย ดำเนินธุรกิจอู่เรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและงานวิศวกรรมโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีการปรับกลยุทธ์ การบริหารจัดการให้พร้อมรับมือกับภาวะวิกฤตในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการความปลอดภัยในการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการอู่เรือของยูนิไทย บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
ในส่วนของความคืบหน้ากรณีการต่อสัญญาเช่าพื้นที่อู่เรือ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่วมกันกับการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อหาจุดร่วมที่ลงตัวนั้น บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด เชื่อมั่นว่า บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามสัญญาด้วยดีตลอดมา ในบางประเด็นที่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในการควบคุมของทางบริษัทฯ และเป็นปัจจัยภายนอกจากหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ทางบริษัทฯ ได้มีการประสานงานและเจรจากับการท่าเรือฯ มาโดยตลอด เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย และเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ บนพื้นฐานที่บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจและสร้างการจ้างงานต่อไปในระยะยาวอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับการขยายตัวของแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายภาครัฐ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมวลรวม ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกและประเทศไทย
ในส่วนชุมชนสัมพันธ์ บริษัทฯ ยังมีส่วนในการช่วยเหลือเพื่อพัฒนาสังคม ชุมชนโดยรอบ เช่น กิจกรรมมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้กับเด็กและเยาวชนในชุมชนแหลมฉบัง และชุมชนโดยรอบบริษัทฯ กิจกรรมฝึกอาชีพให้คนในชุมชนมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว กิจกรรมดังกล่าวนี้บริษัทฯ ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากชุมชนมาโดยตลอด บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาระดับมาตรฐานการเป็นอู่เรือระดับสากล และพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นสำหรับการให้บริการและสนับสนุนพันธกิจของการท่าเรือฯ ให้ได้มาตรฐานสากล อันเป็นการสอดรับนโยบายแผนการพัฒนาและพันธกิจของการท่าเรือฯ รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคตต่อไป