"จับตาการวางหลักประกันการนำเข้าเหล็กแผ่น รีดเย็นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (Gi) จากประเทศจีน หากผลไต่สวนทุ่มตลาดจริง จะมีเงินอากรไหลเข้าคลังหลายร้อยล้านบาท”
เป็นการตั้งข้อสังเกตของคนในวงการเหล็กในประเทศไทยและกำลังเป็นประเด็นร้อนในวงการเหล็กในตอนนี้ จากประกาศของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด ลงในราชกิจจา นุเบกษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 และมีผลบังคับใช้ไปวันที่ 3 สิงหาคม 2563
ความเคลื่อนไหวหลังจากมีผลบังคับใช้ 2 -3 สัปดาห์ที่ผ่านมากรมศุลกากรได้ตรวจสอบสินค้า Gi นำเข้าจากจีนและได้เรียกหลักประกันอากรในอัตราร้อยละ 35.67 ตามประกาศไปแล้ว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ยังไม่รวมกรณีการสำแดงสินค้าเป็น Gi ชนิดที่เป็นเหล็กแผ่นรีดร้อนเคลือบสังกะสีที่ไม่ได้อยู่ในประกาศจึงไม่ต้องวางหลักประกัน แต่กรมศุลกากรอาจต้องตรวจติดตามต่อไปว่ามีการสอดไส้เหล็กแผ่นรีดเย็นเคลือบสังกะสีตามประกาศรวมอยู่ด้วยหรือไม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด พบว่ายังมีผู้นำเข้าบางกลุ่มไม่ยอมวางหลักประกันอากรตามประกาศทั้ง ๆ ที่สินค้าที่นำเข้าตรงตามประกาศ กลุ่มนี้คิดเป็นหลักประกันเกือบร้อยล้านบาท โดยพยายามหาทางหลบเลี่ยงด้วยวิธีการต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือช่องทาง Free zone ที่เป็นช่องเดียวกับกลุ่มรถซุปเปอร์คาร์ที่เคยมีปัญหา
งานนี้คงต้องวัดใจเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะกรมศุลกากร และต้องจับตามองว่าเรื่องนี้จะจบแบบไหน ขณะที่ สมอ. คงต้องเตรียมรับมือด้วยเช่นกัน เพราะตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2563 สินค้า Gi มีการใช้มาตรฐาน มอก. บังคับ ซึ่งนับเป็นโจทย์ใหม่ที่ผู้นำเข้าต้องขบคิดให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การตั้งข้อสังเกตทั้งหมดนี้ จะเป็นโอกาสที่รัฐควรได้รับอากรท่ามกลางสภาพการหารายได้เข้ารัฐที่ยากลำบากเช่นทุกวันนี้ ถ้ามีใครใช้วิธีวิ่งเต้นเพื่อไม่ต้องวางอากรก้อนนี้ให้รัฐก็น่าเสียดาย
อย่างน้อยก็เป็นการเตือนข้าราชการที่จะทำอะไรนอกลู่นอกทางก็ขอให้คิดให้ดี เพราะทั้งตลาดมีคนจับตาดูอยู่เยอะ ที่สำคัญบรรดาผู้บริโภคคนไทยจะต้องได้ใช้ของที่มีคุณภาพและปลอดภัยมากที่สุดด้วย