ถูกดองอยู่นานสำหรับ 7เส้นทางรถไฟทางคู่ เฟส2ระยะทางรวม 1,483 กิโลเมตรมูลค่า 2.71 แสนล้านบาท ในที่สุด สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ส่งเรื่องกลับ พร้อมกับความเห็น ให้กระทรวงคมนาคมและ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) .จัดลำดับความสำคัญ หยิบเส้นทางที่มีความพร้อมที่สุดลงมือก่อน โดยพิจารณาจาก 1.มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ชาติในด้านการขนส่งสินค้าเป็นหลักและมีความสามารถเปลี่ยนเส้นทางเดินรถจากระบบขนส่งทางถนนสู่ระบบขนส่งทางราง 2.จำนวนผู้โดยสาร 3.ความพร้อมของโครงการที่เร่งรัดในการขับเคลื่อน 4.ความสามารถในการดำเนินงานขับเคลื่อนในอนาคตที่มีจุดเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะโครงการเข้าเกณฑ์ มีเส้นทางเดียว รถไฟทางคู่ “ขอนแก่น –หนองคาย “ มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 19% ผ่าน การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ เรียบร้อย แล้ว และยังเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟ จีน-ลาว ที่มีแผนเปิดเดินรถ เดือนธันวาคม 2564 มองว่า จะ เป็นเส้นทางขนส่งสินค้า คาดการณ์อยู่ที่ 12 ล้านตันต่อปี ถึงปี 2580 หลังเชื่อมต่อกับ รถไฟจีน-ลาว คาดว่าปีหน้าสามารถเปิดประมูลได้ ส่วนอีก6เส้นทาง ต้องชะลอออกไป และจัดลำดับความพร้อมอีกครั้ง
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทาง (ขร.) สะท้อนว่า กระทรวงคมนาคมเร่งรัดให้ขับเคลื่อนระบบขนส่งทางรางเพิ่มขีดความสามารถในการเดินรถทั้งโดยสารและขนส่งสินค้า แต่เนื่องจาก มีขีดจำกัดเรื่องหนี้สาธารณะจึงต้อง ดำเนินโครงการที่จำเป็นและชะลอ โครงการที่เหลือออกไป และมอบ รฟท.ไปตรวจสอบรายละเอียดและขอบเขตของการดำเนินโครงการที่ไม่ได้ก่อสร้างเพียงทางรถไฟเท่านั้น แต่ต้องมีการก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าอย่างครบวงจร และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่ง เช่น ด่านศุลกากร เป็นต้น จากเดิมมีแค่สถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้า(คอนเทนเนอร์ยาด)เท่านั้น ซึ่งต้องข้อสรุปและนำเสนอที่ประชุมโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามการทบทวนโครงการลงทุนรถไฟทาง เฟส 2 อาจส่งผลกระทบให้ต้องเลื่อนแผนการดำเนินงานจากเดิมออกไปและยังไม่สามารถบอกได้ว่าเลื่อนออกไปเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ยกเลิก ขึ้นอยู่กับ รฟท.ที่จะเร่งรัดจัดทำรายละเอียดทุกเรื่องให้สามารถตอบคำถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ รวมถึงความจำเป็นหากต้องเพิ่งวงเงินลงทุนในส่วนของไอซีดี เมื่อได้ข้อสรุปจะต้องรายงานกระทรวงคมนาคม ก่อนส่งเรื่องไปยังสภาพัฒน์ และ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ และอาจจะเห็นการประมูลโครงการแรกในปี 64
“ยื่นยันว่า การทบทวนโครงการลงทุนรถไฟทาง เฟส 2 อาจส่งผลกระทบให้ต้องเลื่อนแผนการดำเนินงานจากเดิมออกไปและยังไม่สามารถบอกได้ว่าเลื่อนออกไปเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ยกเลิก ขึ้นอยู่กับ รฟท.ที่จะเร่งรัดจัดทำรายละเอียดทุกเรื่องให้สามารถตอบคำถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ รวมถึงความจำเป็นหากต้องเพิ่งวงเงินลงทุนในส่วนของไอซีดี เมื่อได้ข้อสรุปจะต้องรายงานกระทรวงคมนาคม ก่อนส่งเรื่องไปยังสภาพัฒน์ และ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ และอาจจะเห็นการประมูลโครงการแรกในปี 64”
แหล่งข่าวจากรฟท. กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงต้องการ เร่งรัดระบบขนส่งทางราง ให้ เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด เศรษฐกิจชะลอตัว หนี้สาธารณะสูง งบประมาณมีจำกัด มองว่า ควรชะลอโครงการที่ไม่พร้อมออกไป