นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด รฟท. ว่า จากกรณีที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ค้างค่าเช่าบริเวณย่านพหลโยธิน (ริมถนนกำแพงเพชร 2) หรือหมอชิต 2 นั้น เกิดจากกรณีที่รฟท. และ บขส. ไม่สามารถตกลงอัตราค่าเช่าพื้นที่ได้ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ บอร์ดได้สั่งการให้รฟท.เจรจาร่วมกับบขส.อีกครั้ง ภายในเดือนนี้ ก่อนที่จะนำข้อสรุปมาเสนอบอร์ดฯ อีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปภายในเดือนธันวาคม 2563
นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า สำหรับการชำระค่าเช่าของบขส. ตั้งแต่ปี 2547 ที่รฟท.ได้ปรับขึ้นอัตราค่าเช่า แบ่งเป็น อัตราค่าเช่าเชิงพาณิชย์ 5% และอัตราค่าเช่าที่ไม่ใช่พื้นที่เชิงพาณิชย์ 2.75% ยังคงชำระในอัตราเดิมมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน จำนวน 21 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้ทางบขส. มีส่วนต่างสะสม ตั้งแต่ 1 มีนาคม พ.ศ.2547 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2564 แบ่งเป็น ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ วงเงิน 251 ล้านบาท และค่าเช่าที่ไม่ใช่พื้นที่เชิงพาณิชย์ วงเงิน 774 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 1,025 ล้านบาท
"หลังจากนี้ ต้องเจรจาร่วมกับบขส. อีกครั้งว่าจะสามารถจ่ายค่าส่วนต่างสะสมได้เท่าไหร่ เพราะถ้าบขส. จะต้องจ่ายครบจำนวนที่ค้างไว้อาจจะเป็นภาระหนักเกินไป ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และยืนยันว่าแม้การเจรจาจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะไม่มีการปิดสถานีขนส่งหมอชิต 2 ส่วนจะมีการฟ้องร้องบขส.หรือไม่คงไม่มีการฟ้องร้อง เนื่องจากทั้ง 2 องค์กรเป็นหน่วยงานของรัฐเหมือนกัน เชื่อว่าน่าจะเจรจาร่วมกันได้"
ทั้งนี้การต่อสัญญาในพื้นที่ดังกล่าว เบื้องต้น บขส.ได้เข้ามายื่นเรื่องขอต่อสัญญาเพิ่มอีก 5 ปี โดยเสนอให้ลดพื้นที่ในการเช่าจาก 72 ไร่ เหลือ กว่า 50 ไร่ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด หรือจะทำตามคำขอของบขส.หรือไม่ คงต้องมีการเจรจาร่วมกันอีกครั้งในภายหลัง