นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน วันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ครบรอบ 48 ปี ว่า นโยบายที่ตนได้สั่งการให้กับ กทพ. ศึกษาการแก้ไขปัญหาคอขวด เป็นระยะ 1 ปี ซึ่งใกล้ครบกำหนดเวลาศึกษาแล้ว ในระยะต่อไปต้องนำผลกาศึกษาเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และแปลผลการศึกษา พร้อมทั้งดูเรื่องการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพื่อนำมาปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า หลังจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูป เพื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวง เป็นต้น โดยจะเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการให้บริการประชาชนมากขึ้น ซึ่งภายในเดือนกรกฎาคม 2564 กทพ. จะนำระบบกล้องอ่านทะเบียนรถอัตโนมัติ ที่เชื่อมต่อข้อมูลกับกรมขนส่งทางบกมาใช้ร่วมกับรบบชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และบูรณาการทำงานในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน สำหรับการนำร่องใช้ระบบ M-Flow ในโครงการทางพิเศษฉลองรัชและด่านฯ ที่เป็นจุดรองรับการจราจรทิศทางขาเข้าเมือง ที่มีปริมาณจราจรหนาแน่น อาทิ ด่านฯ บางนา กม.6 ขาเขา ด่านฯดาวคะนอง รามอินทรา ของทางพิเศษฉลองรัช รวมถึงนำไปใช้กับทางพิเศษที่ กทพ. กำลังก่อสร้างคือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้านตะวันตก และโครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องการประมูลโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง ที่ยังเหลืออยู่ 2 สัญญา ขณะนี้ทราบว่าจะต้องเปิดประกวดราคาใหม่ โดยจะมีการเสนอรายละเอียดเข้าที่ประชุมบอร์ด กทพ.ในเดือน ธ.ค.นี้ และทำการเปิดประมูลใหม่ในเดือน มี.ค.2564 หลังจากนั้น กทพ.จะต้องเร่งรัดเอกชนให้เข้าพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อผลักดันให้เปิดบริการภายในปี 2565 ตามเป้าหมาย
รายงานข่าวจาก กพท.เผยว่า โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง ที่ยังเหลืออยู่ 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญา 1 ระยะทาง 6.4 กิโลเมตร ราคากลาง 6,980 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 ระยะทาง 5 กิโลเมตร ราคากลาง 6,991 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ต้องนำมาพิจารณาเปิดประกวดราคาใหม่ เพราะเอกชนมีการยื่นอุทธรณ์ผลประกวดราคา ประเด็นของคุณสมบัติ และผลงานของผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำสุด