นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พอใจภาพรวมการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ที่มีอัตราการหดตัวลดลง โดยส่วนสำคัญเกิดจากมาตรการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมที่ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งการเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ การพัฒนาทักษะผู้ประกอบการ การส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจฐานราก
และการขยายผลความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมกับประเทศต่าง ๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) ผ่านนโยบายอินดัสตรีบับเบิล อาทิ ประเทศนิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น โดยเตรียมขยายผลไปยังประเทศสมาชิกพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค หรือ RCEP เพื่อสร้างโอกาสให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า กสอ. ได้ดำเนินการตอบสนองนโยบายดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนมาตรการอินดัสตรีบับเบิลระหว่างไทย – ญี่ปุ่น ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงได้ดำเนินการหารือร่วมกับ นายอัทสึชิ ทาเคทานิ เลขาธิการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO) หรือ เจโทร เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารระหว่างสองประเทศ ผ่านการให้ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีที่ทางญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ
“เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายสุริยะ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อริเริ่มความร่วมมือในการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม เชื่อมโยงกับองค์ความรู้ด้านเครื่องจักรกลที่ทันสมัยที่เหมาะสมกับกระบวนการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไปสู่การเป็น อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต รวมทั้งหารือเพื่อการลงทุนระหว่างภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย”
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศในครั้งนี้ จะสามาถเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมอาหารให้มีความแข็งแกร่ง รองรับความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) กระตุ้นอัตราการจ้างงาน และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของ 2 ประเทศได้ดีมากยิ่งขึ้น
สำหรับการดำเนินมาตรการอินดัสตรีบับเบิล ไทย-ญี่ปุ่น ในช่วงที่ผ่านมา ของ กสอ. ส่งเสริมแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อการดำเนินธุรกิจของภาคอุตสาหกรรมระหว่าง 2 ประเทศ มีกิจการที่เข้าร่วมแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นกว่า 200 กิจการ เกิดการจับคู่ทางธุรกิจจำนวนกว่า 35 กิจการสร้างยอดขายได้กว่า 259.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 16.56%