นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยการนำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 2.4 พันล้านบาท ลงสู่กลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ผลักดันโครงการด้านเทคโนโลยีพลังงานทดแทนหรือการอนุรักษ์พลังงานผ่าน 3 กลุ่มใหญ่คือ สถานีพลังงานชุมชน ระบบสูบน้ำโซลาร์เซลล์
ทั้งนี้ รายละเอียดโครงการประกอบด้วย 1.สถานีพลังงานชุมชน เป็นการส่งเสริมเทคโนโลยีพลังงานภายใต้แนวคิด ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดยสามารถขอรับการสนับสนุนเทคโนโลยีเดี่ยว หรือหลายเทคโนโลยีที่ประกอบกัน ได้แก่ เทคโนโลยีระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบเคลื่อนที่, เตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง, ชุดครอบหัวเตาแก๊สประสิทธิภาพสูง, ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์, ระบบผลิตแก๊สชีวภาพจากของเสีย เป็นต้น
2.ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับบ่อบาดาล โซลาร์เซลล์ขนาด 2.5 กิโลวัตต์ และถังพักน้ำขนาดบรรจุ 20 ลูกบาศก์เมตร
และ3.การผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ สำหรับพื้นที่ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง/ไม่มีไฟฟ้า (off Grid) ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย กลุ่มชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ โรงเรียนในสังกัดของรัฐบาล
สำหรับกรอบวงเงิน 2.4 พันล้านบาทจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้แก่จังหวัดๆ ละ 25 ล้านบาท รวม 76 จังหวัด รวม 1,900 ล้านบาท ส่วนกรอบวงเงินที่เหลือ 500 ล้านบาท จะใช้เป็นงบกลางสำหรับรองรับโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร (บ่อบาดาล) ที่เกินกรอบวงเงินของจังหวัด
อย่างไรก็ดี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ส่วนราชการภูมิภาค และส่วนราชการส่วนกลางที่มีที่ตั้ง ในจังหวัด สามารถยื่นขอรับการสนับสนุนกับทางจังหวัดได้ โดยจะมีคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบกลั่นกรองเรียงลำดับความสำคัญก่อนที่จะให้ อปท. ส่วนราชการภูมิภาค หรือส่วนราชการส่วนกลางที่มีที่ตั้งในจังหวัดยื่นข้อเสนอเข้าระบบให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
โดยจะได้มีการกำชับให้หน่วยงานจัดทำระบบตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลโครงการ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญเรื่องความพร้อมในการบำรุงรักษา ประชาชนจะต้องใช้งานได้จริง คาดว่าจะเปิดรับข้อเสนอโครงการเข้าระบบภายใน 31 มีนาคม 2564 โดยกองทุนฯจะประกาศเกณฑ์รายละเอียด ต่อไป
“ตามที่กองทุนฯ มีงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจำนวน 6.5 พันล้านบาท โดยงบประมาณส่วนที่สำคัญ คือ งบประมาณที่จะใช้ในทางการสนับสนุนโครงการภายใต้กลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 2.4 พันล้านบาท ที่มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนทั่วประเทศนำเทคโนโลยีพลังงานไปใช้ในการสร้างงาน สร้างรายได้”