นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ รองอธิบดีกรมทางหลวง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.)ได้ออกประกาศเพื่อปรับอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายอยู่ที่ 104 บาทนั้น กรมฯ จะมีหนังสือถึง กทม. เพื่อขอให้ระงับการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร เนื่องจากเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่สร้างภาระค่าเดินทางให้แก่ประชาชนที่ดำเนินการและไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
เนื่องจาก กทม. ได้เคยมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อยืนยันความพร้อมในการรับโอนทรัพย์สิน หนี้สินของโครงการฯ แล้ว ก่อนที่ ครม. จะมีมติให้โอนทรัพย์สิน หนี้สินระหว่าง กทม. และกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
โดย กรมฯ เห็นสมควรให้ กทม. พิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุม เพื่อให้ไม่เป็นภาระแก่ประชาชน และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมติ ครม. ดังกล่าว ที่กำหนดให้กระทรวงคมนาคม และ กทม. บูรณาการร่วมกันในการกำหนดอัตราแรกเข้า อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม และไม่เป็นภาระแก่ประชาชน
รวมถึงเจตนารมณ์ของ กระทรวงคมนาคม ที่มอบทรัพย์สินในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ให้กับ กทม. ได้กำหนดให้กทม. กำหนดอัตราค่าแรกเข้าและอัตราค่าโดยสารให้เหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับค่าครองชีพของผู้ใช้บริการ และไม่ก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้บริการมากเกินไป
พร้อมทั้งจะดำเนินการหารือกับกระทรวงมหาดไทย และ กทม. เพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ โดยมท.และกทม. ควรเร่งดำเนินการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กระทรวงคมนาคมตามที่ได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปแล้วกว่า 1 เดือน
เนื่องจากการดำเนินการของ กทม.ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคม และ กรมฯ ขอยืนยันว่า กทม. ควรดำเนินการให้ถูกต้องตามมติของครม.ในการบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการพิจารณาอัตราค่าโดยสารด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก และเห็นควรให้ชะลอการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารสายสีเขียวดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการพิจารณาร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายในสัปดาห์หน้า
ซึ่งกรมการขนส่งทางรางจะได้เชิญประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเพื่อหาข้อสรุปที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนร่วมกัน
อย่างไรก็ดี กรมฯ เห็นควรให้ทุกฝ่ายหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เกิดความสุขใจแก่สาธารณชน และไม่เป็นภาระกับรัฐจนเกินสมควร นอกจากนี้ยังมีแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาอัตราค่าโดยสารในช่วงก่อนสัมปทานส่วนหลักสิ้นสุดลงในปี 2572 เช่น จัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพยุงอัตราค่าโดยสาร และนำรายได้ในอนาคตมาชำระคืนกองทุนภายหลัง เป็นต้น
ที่ผ่านมา กรมฯ ได้มีข้อเสนอแนะในการขยายสัญญาสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว กรณีอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวไว้อย่างชัดเจนว่า การคิดอัตราค่าโดยสาร นั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสม โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารสามารถกำหนดได้ถูกกว่า 65 บาทตลอดสาย และควรกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกที่สุดสำหรับประชาชนที่ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ
ซึ่งจะทำให้การจราจรใน กทม. เบาบางลง ซึ่งปัจจุบันพบว่า ผู้มีรายได้น้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็น 35% ของค่าแรงขั้นต่ำ ดังนั้น การกำหนดอัตราค่าโดยสารควรวิเคราะห์จากต้นทุนที่แท้จริง และเห็นว่าหากกำหนดราคาถูกลงจาก 65 บาทตลอดสาย ในอนาคตจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเส้นหลักของเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ย่อมส่งผลให้สามารถลดอัตราค่าโดยสารลงได้มากกว่านี้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมขนส่งทางราง ซัดกทม. ค่าโดยสารสายสีเขียว สร้างภาระ ประชาชน
ผู้ว่ากทม.ออกประกาศ ค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสาย สีเขียวทุกเส้นทาง เริ่มใช้ 16 ก.พ.64
คนกรุง เตรียมตัว ให้พร้อมอีก1เดือน จ่ายค่าตั๋วรถไฟฟ้า สายสีเขียว104บาท
เคาะแล้ว! ค่าตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดสาย 104 บาท เริ่มเก็บ 16 ก.พ.