นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตรวจติดตามโครงการต่อเรือไฟฟ้าต้นแบบ เรือโดยสารหางยาวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมทดลองนั่งก่อนใช้งานจริง โดยมีนายภูเมศ สุขม่วง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เนื่องจาก ที่ผ่านมากรมเจ้าท่า ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ในวันที่ 29 ธันวาคม 2562 เพื่อรับทราบปัญหาของชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ มีการวิ่งเร็ว และมีเสียงดัง ประกอบกับมีควันดำ ส่งผลให้เกิดมลพิษทางเสียง อากาศและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สำนักมาตรฐานเรือ และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครปฐม ร่วมกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพด้านการต่อเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้แก่ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด และชุมชนในท้องถิ่น ร่วมกันดำเนินการต่อเรือโดยสารหางยาวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้งานในคลองดำเนินสะดวก ให้เป็นเรือต้นแบบที่ลดมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้คนในชุมชนได้นำไปเป็นทางเลือกในการต่อเรือใหม่ หรือเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลเก่ามาใช้มอเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทน พร้อมทั้งได้จัดทำร่างข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการตรวจเรือ โดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้เหมาะสมกับ เรือหางยาว ที่จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ขณะเดียวกันอยู่ในขั้นตอนการส่งเข้ากระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณา โดยนำร่องการพัฒนาเรือหางยาวท่องเที่ยวให้เป็นเรือไฟฟ้าต้นแบบที่ใช้งานได้จริงและไม่เกิดเสียง หรือมลพิษทางอากาศ ลดPM 2.5 โดยโครงการดังกล่าวมีเรือจำนวน 3 ลำ เป็นเรือไม้ 2 ลำ และเรือจากภาคเอกชน ประกอบขึ้นด้วยอลูมิเนียม 1 ลำ ซึ่งชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง วิ่งได้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ ทั้งนี้ อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้มอบนโยบาย โดยให้แนะนำผู้ประกอบการและชุมชน เปลี่ยนมาติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ให้เกิดขึ้น 8-10 ลำ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง เป็นการท่องเที่ยวสีเขียววิถีใหม่ปลอดภัยไร้มลพิษอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ได้เดินทางไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี โดยมีนายประทิน ออมสิน ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งบรรยายสรุป ข้อมูลหน่วยงาน ข้อมูล แม่น้ำ ลำคลองในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี ได้ตรวจสอบ และจดทะเบียนแพ โดยมีจำนวนแพจอด ทั้งหมดในจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 1,200 หลัง ดำเนินการออกใบอนุญาตแล้ว 651 หลัง ในส่วนของแพลากจูง มีจำนวน 917 หลัง ดำเนินการยื่นเอกสารแล้ว 109 หลัง จากนั้น อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้ลงพื้นที่ตรวจแพในเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ ออกตรวจแพทุกลำ ก่อนถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ให้ได้มาตรฐานที่ถูกต้องตามกฎข้อบังคับของกรมเจ้าท่า และมีสภาพพร้อมต่อการใช้งาน หากพบแพที่ไม่ได้มาตรฐาน ให้รีบดำเนินการแก้ไข และสั่งห้ามใช้แพโดยเด็ดขาด และสั่งการให้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณแพ เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่า ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย