ย้อนไปเมื่อ วันที่ 24 มีนาคม 2564 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมา ธิการวิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ได้นัดประชุมด่วนที่สุด เพื่อติดตามความคืบหน้าการอนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบผลิตภัณฑ์นม (ก่อนหน้านั้น ครม.มีมติ (12 ม.ค.64) อนุมัติกรอบวงเงิน 1,477.75 ล้านบาท ในการเยียวยา แต่ยังไม่สามารถจ่ายได้) โดยสำนักงบประมาณระบุเรื่องยังไม่ครอบคลุม และตีกลับเรื่องให้พิจารณาใหม่
ล่าสุด หนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 9 เมษายน 2564 เรื่องขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น สำหรับดำเนินโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม พลิกฟื้นเศรษฐกิจภีคการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นม มีความคืบหน้าตามลำดับ
นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. กรมปศุสัตว์ได้รับหนังสือตอบจากสำนักงบประมาณอย่างไม่เป็นทางการแล้ว โดยสำนักงบประมาณแจ้งว่านายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นม ภายในวงเงินกว่า 1.167 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อผลิตภัณฑ์นมให้เด็กนักเรียน คนละ 24 กล่อง
“ทางกรมปศุสัตว์จะแจ้งสิทธิการจำหน่ายให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมร่วมโครงการฯ ทราบ ในวันที่ 16 เมษายน 2564 และแจ้งเวียนผลการจัดสรรพื้นที่จำหน่ายให้คณะอนุกรรมการบริหารโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนรับทราบ และแจ้งผลการจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายในหน่วยจัดซื้อ และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป”
นายนัยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 19 เมษายน 2564 เป็นต้นไป หน่วยจัดซื้อกับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมดำเนินการจัดซื้อทำสัญญาและส่งมอบผลิตภัณฑ์นมในโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
ในหนังสือของสำนักงบประมาณ นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้ระบุข้อความว่า หากมีงบประมาณเหลือจ่ายหรือคาดการณ์ได้แน่ชัดว่าจะเหลือจ่ายขอให้นำส่งคืนสำนักงบประมาณภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบยอดงบประมาณเหลือจ่ายดังกล่าว
ทั้งนี้การจัดสรรตามจำนวนเด็กนักเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบ
1.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 866,220,096 บาท
2.สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 256,545,576 บาท
3. กรุงเทพมหานคร 43,405,656 บาท
4.เมืองพัทยา 831,104 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง