นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่กากระทรวงพลังงาน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) ว่า การเปิดประเทศยังเป็นไปตามแผนคือเดือนกรกฎาคมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสไม่ต้องกักตัว และเดือนตุลาคมจะขยายไปยังจังหวัดกระบี่ พังงา เกาะสมุย พัทยา เชียงใหม่ และในวันที่ 1 มกราคม 2565 จะสามารถเปิดได้ในพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะถึงสิ้นปีนี้เราจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ถึง 50 ล้านคนตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ จากการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่ทำเนียบรัฐบาล หลังประชุมมีผู้สื่อข่าวมาสอบถามถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้ตอบไปว่าเตรียมไว้แล้ว น่าจะออกมาในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ขอรอดูสถานการณ์การระบาดอีกสักนิดก่อน ซึ่งเชื่อว่าอีก 2 สัปดาห์น่าจะควบคุมได้
ขณะนี้การส่งออกขยายตัวขึ้นดีมาก รัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกกระทรวง การระบาดรอบนี้อยู่เหนือความคาดหมาย ทำให้เศรษฐกิจที่กำลังจะเดินหน้าต้องสะดุดลง แต่เชื่อว่าไม่นานอีก 1-2 เดือนหลังจากเราควบคุมการระบาดได้ และเริ่มฉีดวัคซีนแบบปูพรมทั่วประเทศแล้วเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ในช่วงที่ยังเผชิญกับวิกฤตนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศยังจำเป็นต้องอาศัยการบริโภคของประชาชน และการลงทุนของภาคเอกชน ที่ผ่านมาเราใช้มาตรการคนละครึ่ง ประชาชนกับรัฐบาลช่วยกันใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากและธุรกิจขนาดเล็กให้หมุนเวียน
สำหรับการดำเนินนโยบายในระยะต่อไป เราเห็นว่าแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศจะมาจากกลุ่มคนที่มีรายได้และกำลังซื้อสูง ไม่มีภาระที่จะต้องใช้จ่ายเพื่อมาช่วยรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งรูปแบบนั้นทางหน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังหารือรูปแบบที่ชัดเจนอยู่ครับ
“หลักการคือกระตุ้นและจูงใจให้กลุ่มคนที่มีรายได้มาก มีเงินออมสูงจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ร่วมไม้ร่วมมือกัน เพื่อช่วยให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและหมุนเวียนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจระดับฐานรากและธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งเราทำสำเร็จมาแล้วในโครงการคนละครึ่ง”
ระหว่างนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการร่วมมือกัน ป้องกัน ระมัดระวัง และควบคุมการระบาดรอบนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เชื่อว่าเราจะทำได้สำเร็จเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเราจะเริ่มฉีดวัคซีนจำนวนมากทั่วประเทศในเดือนมิถุนายนนี้ การประชุมวันนี้เป็นส่วนของภาครัฐก่อนจะประชุมร่วมกับภาคเอกชนในวันที่ 28 เมษายนเรื่องการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจาก 63 ล้านโดสที่รัฐบาลหามาได้แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :