ตลาดอุปกรณ์ชาร์จรถ EV โตทะลุ 1.4 หมื่นล้านบาทใน 4 ปี

12 พ.ค. 2564 | 05:45 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2564 | 12:53 น.

SHARGE คาดตลาดอุปกรณ์ชาร์จรถ EV โตทะลุ 1.4 หมื่นล้านบาทใน 4 ปี หลัง 3 ปัจจัยหนุน ทั้งนโยบายรัฐ ราคารถ เทคโนโลยีทันสมัยขึ้น

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นต์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลของ SHARGE พบว่าปัจจุบันตลาดอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า(EV Charging) เป็นตลาดที่กำลังได้รับความสนใจไม่ต่างจากตลาดของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ "อีวี" (EV) เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนให้ผู้ใช้รถ EV เกิดความมั่นใจในการเปลี่ยนมาใช้รถ EV มากขึ้น ปัจจุบันตลาด EV Charging ในประเทศไทยมีประมาณ 2,100 หัวชาร์จ 

อย่างไรก็ดี พบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างหันมาจับตลาด EV Charging จึงทำให้ให้คาดว่าภายใน 4 ปี มูลค่าการตลาดจะเติบโตขึ้นไปแตะ  1.4 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มกว่า 170 เท่าตัวจากปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ที่คาดว่าจะมีการใช้รถ EV รวมทุกประเภทในปี 2568 ที่ 1,055,000 คัน
              นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะสนับสนุนให้การเติบโตของตลาด EV Charging ในประเทศไทย ให้เป็นไปตามโรดแมปของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้นั้น SHARGE วิเคราะห์ว่า มาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่

1.จากนโยบายการลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์และรัฐบาลมีแผนแม่บทที่ชัดเจนในการพัฒนารถ EV โดยเฉพาะการตั้งเป้าให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ EV ปัจจัยนี้จะสนับสนุนให้รถ EV ในประเทศไทยมีราคาถูกลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงรัฐบาลมีนโยบายจับมือกับภาคเอกชนในภาคบริการรถขนส่งสาธารณะให้เปลี่ยนมาใช้รถ EV แทนรถขนส่งสาธารณะเดิมที่ปล่อยคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมเป็นปริมาณมาก

ซึ่งนโยบายเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้เกิดระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานของรถ EV เช่น สถานีชาร์จ  และการสนับสนุนไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ใช้รถ EV เข้าถึงพลังงานที่ราคาถูกลง ตลอดจนสนับสนุนให้ตลาด EV Charging ทั้งในรูปแบบสถานีชาร์จและการชาร์จตามบ้านได้รับอานิสงส์โดยตรง

2.ค่ายรถยนต์หันมาผลิตรถ EV ในตลาดรถยนต์ราคาประหยัดที่ราคาจับต้องง่ายมากขึ้น โดยปัจจุบันเริ่มเห็นราคาจำหน่ายในประเทศไทยในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในหลายรุ่น โดยเฉพาะรถยนต์นำเข้าจากประเทศจีนที่ได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ทำให้ผู้ใช้รถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ปัจจัยนี้มองว่าจะส่งผลกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของ ตลาด EV Charging ในรูปแบบการชาร์จตามบ้านมากที่สุด เนื่องจากผู้ใช้รถขนาดเล็กในราคาประหยัดนั้นจะเน้นการชาร์จตามบ้านที่มีต้นทุนพลังงานถูกกว่า

และ3.นวัตกรรมการชาร์จที่รวดเร็วขึ้นแต่วิ่งได้ไกลขึ้น จากการแข่งขันทางเทคโนโลยีของค่ายรถที่ผลิตรถ EV รุ่นใหม่ให้ชาร์จเร็วได้ภายในระยะเวลาสั้นลงและขับไปได้ไกลขึ้น การพัฒนานี้จะตอบสนองให้ผู้ใช้รถ EV  มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างไปจากเดิมที่จะขับในระยะทางใกล้ๆ เปลี่ยนเป็นการขับได้ไกลขึ้นและเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถ EV มากขึ้น จากการพัฒนานี้จะสนับสนุนการเปิดสถานีบริการชาร์จเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

“มองว่าในอนาคตจะเกิดการแข่งขันที่สูงในตลาด EV Charging ตามการคาดการณ์ว่าตลาดรถ EV จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ปีข้างหน้า และความต้องการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค ทำให้เกิดการแข่งขันสมบูรณ์ ผู้บริโภคเข้าถึงเครื่องชาร์จในราคายุติธรรม ทั้งนี้ราคาของอุปกรณ์การชาร์จรถ EV ถือว่าปรับลดลงไปในทิศทางเดียวกับราคาของรถ EV โดยในช่วงที่นำเข้าแรกๆ ราคาจะอยู่ในหลักแสนบาทขึ้นไป แต่ในปัจจุบันราคาได้ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก เริ่มต้นที่ 40,000 บาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :