นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเมืองหลักในภูมิภาค สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ว่า เบื้องต้นที่ประชุมรายงานผลการพิจารณาแนวทางการกำหนดอัตราค่าโดยสารตามนโยบายและรายละเอียดเทคนิคการก่อสร้างเพื่อลดผลกระทบ รฟม.ได้พิจารณาทบทวนรูปแบบโครงการเป็นรถเมล์ล้อยาง ระบบ Automated Rapid Transit (ART) พบว่า จะทำให้กรอบวงเงินลงทุนโครงการลดลงประมาณ 15,289 ล้านบาท และลดระยะเวลาการก่อสร้างจากเดิม 9 เดือน ซึ่งผลจากต้นทุนที่ต่ำลง จะส่งผลให้รฟม.สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกลงได้ โดยมีแนวคิดจะกำหนดอัตราค่าโดยสารโดยแบ่งเป็น การเดินทางในเขตเมืองภูเก็ต การเดินทางนอกเขตเมือง และการเดินทางระหว่างเขตเมือง สำหรับเทคนิคการก่อสร้างจะเลือกใช้วิธีการก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุดเพื่อลดผลกระทบ เช่น การใช้คอนกรีตหล่อสำเร็จ และการใช้ Launching Gantry เป็นต้น
ขณะเดียวกันสรุปได้ว่ามีทางเลือกที่มีความเหมาะสมทางเศรษฐกิจและสังคม 2 ทางเลือก ประกอบด้วย ทางเลือกที่ 1 ดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชน ที่มีกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2569 โดยกรณีนี้ มีข้อดีคือ โครงการจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงาน แต่ในระหว่างการก่อสร้างจะมีผลกระทบด้านการจราจรมาก ขณะที่ทางเลือกที่ 2ดำเนินการก่อสร้างทางพิเศษตามแผนงานเดิม ที่เปิดให้บริการปี 2571 แต่ชะลอแผนการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชน กำหนดเปิดให้บริการปี 2571 เพื่อรอให้โครงการทางพิเศษบางส่วนเปิดให้บริการก่อน กำหนดเปิดให้บริการ ปี 2571 ซึ่งกรณีนี้จะทำให้มีผลกระทบด้านการจราจรระหว่างการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนน้อย เนื่องจากประชาชนมีโครงการทางพิเศษ เป็นทางเลือกในการเดินทาง
ด้านการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ดำเนินการขอใช้พื้นที่จากเทศบาลนครภูเก็ต และเทศบาลนครภูเก็ตได้มีหนังสือยินดีให้การสนับสนุนพื้นที่บริเวณถนนเทพกษัตรีย์และถนนภูเก็ตแล้ว ส่วนการใช้พื้นที่ของกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในเบื้องต้นร่วมกันแล้ว และรฟม.จะได้จัดทำรายละเอียดเพื่อให้ทั้ง 2 หน่วยงานพิจารณาอนุญาต ต่อไป
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้มีข้อสั่งการให้รฟม.และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จัดทำแผนงานในรายละเอียด (Action Plan และ Timeline) สำหรับทั้ง 2 ทางเลือกที่นำเสนอไว้ ภายใน 2 สัปดาห์ และเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว ให้ทั้ง 2 หน่วยงานลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในประเด็นทางเลือกการดำเนินโครงการทั้ง 2 ทางเลือก ทั้งนี้ ให้กำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครบทุกกลุ่ม ก่อนสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาตัดสินใจ ต่อไป
อย่างไรก็ตามในการพิจารณาอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม ให้รฟม.คำนึงถึงประชาชนเป็นลำดับแรก และเนื่องจากเป็นโครงการแรกที่จะใช้เทคโนโลยี Automated Rapid Transit (ART) ให้การรถฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยคิดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารของโครงการ ART จากต่างประเทศ ประกอบการพิจารณาด้วย โดยจะต้องเป็นอัตราที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและต้องไม่เป็นภาระต่อประชาชน ทั้งนี้ ให้รฟม.พิจารณาลดต้นทุนและระยะเวลาการก่อสร้างเพิ่มเติม โดยพิจารณานำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีต้นทุนต่ำมาปรับใช้ เพื่อให้สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้ต่ำที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง