นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้เร่งจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ตามสัญญาระยะยาวที่มีอยู่ เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซฯ ที่เพิ่มมากขึ้น จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและเหตุการณ์หยุดผลิตที่ไม่เป็นไปตามแผนของโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 4 โรง กำลังการผลิตรวม 2,750 เมกะวัตต์ ทยอยหยุดผลิตนอกแผนตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าทดแทน ประมาณ 450 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ประกอบกับความต้องการใช้ก๊าซฯ ในประเทศอยู่ในระดับสูงเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ปตท. จึงได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงแผนการใช้ก๊าซฯ และเรียกรับก๊าซฯ เพิ่มเติมตามศักยภาพจากผู้ผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยและเมียนมา
พร้อมทั้งบริหารจัดการ LNG เพิ่มเติมจากสัญญาระยะยาวที่มีอยู่ เพื่อให้ปริมาณก๊าซฯ เพียงพอต่อความต้องการ ไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานต่อประเทศ เนื่องด้วยราคา LNG ในสัญญาระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 6.5 - 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู ในขณะที่ราคา Spot LNG ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 8.5 – 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู
“ปตท. ยังคงยึดมั่นหน้าที่ในการดูแลความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ จัดหาก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ให้มีผลกระทบต่อพลังงานด้านการผลิตไฟฟ้า ด้วยราคาที่เหมาะสม”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :