นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการประชุมขับเคลื่อนการศึกษาแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง MR-Map
ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าผลการดำเนินงานศึกษาจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR–Map) ของกรมทางหลวง
ปัจจุบันงานศึกษาอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อจัดทำโครงข่ายในเบื้องต้น และคัดเลือกโครงการนำร่องเพื่อศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น โดยผลการคัดเลือกเส้นทางนำร่อง จาก 10 เส้นทาง ประกอบด้วย
โดยได้พิจารณา 4 โครงการนำร่องที่มีศักยภาพ ได้แก่
ในการนี้ได้มีการพิจารณารูปแบบการกำหนดหมายเลขเส้นทางทั้ง 10 เส้นทาง โดยอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการกำหนดหมายเลขเส้นทาง MR–Map ให้เป็นระบบตามมาตรฐานต่อไป
หลักการของโครงการแผนพัฒนาโครงข่าย MR–Map นี้ จะช่วยแก้ปัญหาโครงข่ายระบบคมนาคม ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน ส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการของโครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น โครงการของกรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้แก่ การพัฒนาวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3
การบูรณาการโครงการทางพิเศษสายฉลองรัช – นครนายก – สระบุรี วงแหวนฯ รอบที่ 3 กับโครงการมอเตอร์เวย์สายกาญจนาภิเษก – สระแก้ว และยังช่วยแก้ไขปัญหาเส้นทางรถไฟที่วิ่งผ่านเขตชุมชนเมือง ที่ทำให้เกิดปัญหาการจราจรและการแบ่งแยกพื้นที่
ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่สายมาบกระเบา – ชุมทางถนนจิระ ช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงยังช่วยให้การขนส่งสินค้าทางรางเป็นไปด้วยความสะดวก และลดปัญหาการขนส่งสินค้าทางรางเข้าสู่พื้นที่ในเขตเมืองใหญ่อีกด้วย
นายศักดิ์สยามฯ ได้มีข้อสั่งการให้มีการศึกษาโครงการนำร่องที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทางเชื่อมระหว่างเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) – เส้นทาง MR5 (ชุมพร – ระนอง)
ทั้งกำชับให้กรมทางหลวงเน้นหลักการของโครงการแผนพัฒนาโครงข่าย MR–Map โดยเฉพาะกรณีเส้นทางที่ต้องเลี่ยงการเดินทางเข้าเขตเมือง เพื่อลดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดินของประชาชน และต้องมีการวางแผนการเชื่อมต่อโครงข่ายเส้นทาง MR–Map กับพื้นที่เขตเมืองให้เชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการศึกษาข้อมูลรูปแบบเส้นทางรถไฟในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อบูรณาการเชื่อมต่อโครงข่ายเส้นทาง MR–Map โดยเน้นการใช้ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้การดำเนินการให้เป็นในลักษณะการบูรณาการร่วมกับระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นต้น
การดำเนินการต่าง ๆ ต้องลดผลกระทบต่อประชาชน และหากมีการแก้ไขรูปแบบของโครงการที่ได้มีการออกแบบ การรับฟังความเห็นประชาชน หรือการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว การบูรณาการที่เกิดขึ้นจะต้องอยู่ในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป