นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาปุ๋ยในตลาดมีการปรับราคาสูงขึ้นสาเหตุสำคัญมาจากวัตถุดิบแม่ปุ๋ยยูเรีย แม่ปุ๋ยฟอสเฟต และแม่ปุ๋ยโพแทสเซียม รวมถึงปุ๋ยเคมีสำเร็จรูปที่ส่วนใหญ่ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีการปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีในต่างประเทศเพิ่มขึ้น กรมได้ ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ขอความร่วมมือให้ผู้จำหน่ายปุ๋ยตรึงราคาออกไประยะหนึ่งเข้มงวดการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายและตรวจสอบสถานการณ์ราคาและเพื่อดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรด้านปัจจัยการผลิตอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพและเพื่อลดภาระการผลิตให้กับเกษตรกร กรมการค้าภายใน
ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ภายใต้นโยบาย เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดจัดทำโครงการลดราคาปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยขอความร่วมมือ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร จำนวน 3 สมาคม
ประกอบด้วยผู้ผลิตและนำเข้าแม่ปุ๋ยและปุ๋ยเคมี จำนวน 19 ราย โดยมีปุ๋ยที่ได้รับความนิยม รวม 84 สูตร อาทิ สูตร 46-0-0 สูตร 16-20-0 สูตร 21-0-0 และ สูตร 15-15-15 เป็นต้น จำหน่ายผ่านสหกรณ์และสถาบันเกษตรกร ในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยลดราคาเฉลี่ยกระสอบละ 20 บาท เป้าหมาย 208,411 ตัน ผ่านกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งจะดำเนินการให้ครบตามเป้าหมายจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2564
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบที่ 1 ได้เชื่อมโยงจำหน่ายผ่านสถาบันเกษตรกร จำนวน 97 แห่งรวม 591,940 กระสอบ (29,597 ตัน) แบ่งเป็นสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จำนวน 85 แห่ง ยอดรวม 587,980 กระสอบ (29,399 ตัน) และ
ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน/วิสาหกิจชุมชน/แปลงใหญ่ จำนวน 12 แห่ง ยอดรวม 3,960 กระสอบ (198 ตัน) ซึ่งสามารถช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิตได้ประมาณ 11,838,800 บาท ซึ่งสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อได้ที่กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์
ทั้งนี้กรมยังมีมาตรการการกำกับดูแลด้านปริมาณและราคา โดยผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ตั้งแต่ 100 ตันขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณผลิต นำเข้า จำหน่าย คงเหลือ สถานที่เก็บ เป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่ 10 ของเดือน ผู้ผลิตจะต้องขออนุญาตเปลี่ยนแปลงราคาจำหน่าย และผู้นำเข้าต้องแจ้งการนำเข้า (ปริมาณ ราคา ยี่ห้อ สูตร) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นำเข้า ตามประกาศ กกร. ซึ่งกรมการค้าภายในจะได้ มีการติดตามราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท สามารถแจ้งหรือร้องเรียนสายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด