นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. (ส.อ.ท. ,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย" อยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางเร่งแก้ไขใน 3 เรื่องหลักในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) ประกอบด้วย
1.การจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งรัฐควรเปิดให้มีการนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้เพิ่มขึ้นเนื่องจากขณะนี้การติดเชื้อในโรงงานเริ่มมีจำนวนมากขึ้นต่อเนื่องซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตามมา
2.ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เอกชนในเรื่องของการจัดหาวัคซีนและอุปกรณ์ป้องกันการดูแลการแพร่เชื้อโดยเฉพาะ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งเป็นภาระรายจ่ายของภาคเอกชนมากขึ้นในขณะนี้ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางขอความช่วยเหลือ
และ3.ขอให้รัฐพิจารณาอนุมัติให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์เนื่องจากขณะนี้เอกชนมีศักยภาพผลิตแต่ต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน
"คาดว่าหนังสือจะส่งถึงได้ภายใน 1-2 วันนี้ โดยรัฐบาลควรเปิดให้ภาคเอกชนผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากมองว่าหากประเทศไทยขาดยาดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ขณะเดียวกันจะมีการเสนอแนวทางมาตรการเยียวยาภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี (SMEs) เข้าไปด้วย”
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท.ในฐานะประธานคณะทำงานจัดหาชุด ATK และจัดทำห้องความดันลบ กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขการติดเชื้อในโรงงานอย่างไม่เป็นทางการมีมากกว่า 1,000 แห่ง จึงได้เร่งจัดหาชุดตรวจ ATK ราคาถูกให้แก่โรงงานที่เป็นสมาชิกไปแล้ว 3 ล็อต และอยู่ระหว่างการจัดหาล็อต 4 โดยมีเป้าหมายจัดหารวมไม่น้อยกว่า 1 แสนชุดในเบื้องต้น