“ประยุทธ์” มอบรางวัล 42 ผู้ส่งออกดีเด่น นำเงินเข้าประเทศ 1.7 ปี กว่า 3 หมื่นล.

03 ก.ย. 2564 | 10:25 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2564 | 17:52 น.

“พล.อ.ประยุทธ์”มอบรางวัลผู้ส่งออกดีเด่น 42 ราย ในรูปแบบ Virtual Event ครบรอบ 30 ปี PM Award สร้างขวัญกำลังใจฝ่าโควิด “จุรินทร์” ระบุช่วยนำเงินเข้าประเทศ 1 ปี 7 เดือนกว่า 3 หมื่นล้าน ประกาศพร้อมเป็นทัพหน้าหนุนบุกตลาดโลกหลังโควิดคลี่คลาย ปลื้มยอดส่งออกปี 64 โตต่อเนื่อง

 

วันที่ 3 กันยายน 2564  ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นประจำปี 2564 หรือ Prime Minister’s Export Award 2021 ครั้งที่ 30 ในรูปแบบ Virtual Event ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการมอบรางวัล บน เวทีเสมือนจริงในยุค new normal ที่ไม่สามารถพบปะร่วมกันได้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้อง คณะกรรมการและแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน สามารถเข้าร่วมงานได้ในรูปแบบออนไลน์  ผ่านทางระบบซูมและเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยปีนี้ มีบริษัทที่ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 42 รางวัล  34 บริษัท จากผู้สมัครทั้งหมด 216 ราย 

 

หลังเสร็จสิ้นพิธีมอบรางวัล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในภาคการผลิต การบริการ และการส่งออกให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง

 

งานมอบรางวัล Prime Minister’s Export Award ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดที่ผู้ประกอบการส่งออกได้รับการรับรองจากรัฐบาล จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจพัฒนาของผู้ประกอบธุรกิจส่งออก รวมทั้งทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันการค้าระหว่างประเทศแบบเชิงรุก และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจตนเองให้ดียิ่งขึ้น 

 

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา

 

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า  เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 30 ปี ของรางวัล PM Award รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของไทยได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการในทุกสาขา  ตั้งแต่ปี 2535 รวมจำนวนทั้งสิ้น 638 บริษัท 745 รางวัล ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนของความภาคภูมิใจของคนไทยในการผลิตสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ

 

ในปีนี้ได้มอบนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการให้ครอบคลุมในทุกระดับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ จนไปถึง SMEs และ Micro SMEs และกระจายไปยังภูมิภาคในทุกภาคส่วนของประเทศ จึงทำให้มีผู้ได้รับรางวัล ทั้ง 7 สาขา รวม 42 รางวัล 34 บริษัท จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ตามนโยบายด้านการเร่งรัดการส่งออกในมิติของการเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ จึงได้เพิ่มรางวัลผู้ประกอบการหน้าใหม่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพต่อไป  

 

จุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์

 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ปีนี้การส่งออกถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ได้ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนให้ภาคการส่งออกของไทยกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งคือ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักสำคัญของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป และจีน

 

อีกทั้งภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวดี โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค สินค้าวัตถุดิบและสินค้าเพื่อการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลงก็กลายเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย  นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าส่งออกของไทย

 

และจากความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ล่าสุด ตัวเลขการส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2564 พบว่า ขยายตัวสูงถึง 20.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมการส่งออกในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.2564) การส่งออกขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่ารวมที่ 1.54 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 16.20% 

 

“ประยุทธ์” มอบรางวัล 42 ผู้ส่งออกดีเด่น นำเงินเข้าประเทศ 1.7 ปี กว่า 3 หมื่นล.

 

ด้านผู้ประกอบการที่รับรางวัลในปีนี้ ได้กล่าวถึงวิธีการรับมอบรางวัลในรูปแบบ Virtual Event  ปีนี้ว่า ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลจากท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรง จากข้อจำกัดด้านมาตรการป้องกันโควิด 19 แต่ก็นับเป็นเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจ พร้อมที่จะรักษามาตรฐานคุณภาพ รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการ อันจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

สำหรับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2021 ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 30 มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 216 ราย ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 42 รางวัล ได้แก่ Best Exporter 9 รางวัล Best Thaibrand 9 รางวัล B est Innovation 3 รางวัล และ Aspiring Innovation 5 รางวัล   Best Design 7 รางวัล Best Services Enterprise Award รวม 4 รางวัล ได้แก่ สาขาโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทาง 1 รางวัล สาขาดิจิตอลคอนท์และซอฟแวร์  1 รางวัล สาขาสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ 1 รางวัล สาขาโลจิสติกส์การค้า 1 รางวัล  Best OTOP 2 รางวัล และ Best Halal 3 รางวัล 

 

ทั้งนี้ รางวัลผู้ประกอบการนวัตกรรมดาวเด่น Aspiring Innovation ถือเป็นรางวัลพิเศษในปีนี้ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีนวัตกรรมโดดเด่น และมีศักยภาพในการส่งออก 5 รางวัล โดยเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ประกอบการที่เห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนว BCG ซึ่งรัฐบาลได้หยิบยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ  

 

จากข้อมูลการส่งออก ของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลทั้ง 42 รายนี้  มีส่วนในการสร้างรายได้เข้าประเทศในปี 2563 ประมาณ 19,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.87 หรือ 1,788 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 18,122 ล้านบาท และในปี 2564 (ม.ค. – ก.ค. 64) ได้สร้างรายได้ให้แก่ประเทศแล้วประมาณ 11,377 ล้านบาท และมีส่วนสร้างการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 14,639 คน

 

บทสรุปความสำเร็จของรางวัล Prime Minister’s Export Award นี้ นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจส่งออก ให้สามารถก้าวเดินได้อย่างต่อเนื่อง และก้าวเข้าสู่โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ยุค New Normal ได้อย่างมั่นคง