"สาธิต" เล็งเปิดแซนด์บล็อกอีอีซี-ยกระดับโรงพยาบาลในพื้นที่เทียบชั้น กทม.

06 ก.ย. 2564 | 10:29 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2564 | 17:29 น.

สาธิต เล็งเปิดแซนด์บล็อกพื้นที่อีอีซี พร้อมยกระดับโรงพยาบาลในพื้นที่เทียบชั้นกทม. ดึงเอกชนร่วมทุนรูปแบบพีพีพีลดภาระการลงทุนภาครัฐ มั่นใจแผนฉีดวัคซีนได้ตามเป้า

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในงานสัมมนาออนไลน์ “EEC Future : ขับเคลื่อนอีอีซี..ฟื้นเศรษฐกิจไทย” ซึ่งจัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า เป้าหมายการพัฒนาระบบสาธารณสุขในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี (EEC) ในปี 2565 ได้วางเป้าหมายที่สำคัญไว้ 3 ประการ ได้แก่ 
1.โรงพยาบาลในพื้นที่สามารถรับการรักษาพยาบาลได้โดยไม่แออัด  
,2.มีหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีคุณภาพ 
และ3.ประชาชนที่อยู่ทุกระบบการรักษา สามารถที่จะเข้าสู่การรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวได้วางเป้าหมายที่จะยกระดับโรงพยาบาลในพื้นที่อีอีซีหลายแห่งให้มีศักยภาพทัดเทียมศูนย์แพทย์เฉพาะทางในกรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือการเพิ่มจำนวนเตียงที่จะรักษาพยาบาลให้เพิ่มมากขึ้นโดยใช้แนวทางการให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ พีพีพี (PPP) โดยจะนำร่องในพื้นที่โรงพยาบาลปลวกแเดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเร็วๆนี้
นอกจากนั้นในพื้นที่อีอีซียังมีโรงพยาบาล และศูนย์การแพทย์อีกหลายแห่งที่จะส่งเสริมการวิจัย และพัฒนา การสนับสนุนทางวิชาการให้สามารถที่จะรองรับการพัฒนาการวิจัยทางการแพทย์ การสร้างความรู้ที่จะรับมือกับโรคระบาด และโรคอุบัติใหม่ โดยสามารถนำเทคโนโลยีข้อมูล และระบบดิจิทัลต่างๆมาใช้ เช่น ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ซึ่งมีศูนย์วิจัยของกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ที่มีศักยภาพและความพร้อม ในการรักษาผู้ป่วยเพิ่มเติม เช่น ระบบของบล็อกเชน โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่

ส่วนการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) และแผนการนำเข้าวัคซีนมายังประเทศไทยในปีนี้จะได้ตามเป้าหมาย 120 ล้านโดส รวมกับที่ภาคเอกชนจะนำเข้าวัคซีนทางเลือกบางส่วนมาอีก จะทำให้ได้มากถึง 140 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนที่นำเข้ามาที่เป็นเป้าหมายในการฉีดให้ได้ 70% ของประชากร หรือประชากรประมาณ 50 ล้านคนตามเป้าหมาย โดยหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ และไม่มีการกลายพันธุ์ของโควิดจนมีการระบาดระลอกใหม่ในปี 2565 จะสามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้
อย่างไรก็ดี ที่สำคัญได้เสนอที่ประชุมเศรษฐกิจสาธารณสุขแล้วว่า ขอให้เปิดพื้นที่แซนด์บ็อกในพื้นที่ตะวันออก หรืออีอีซี โดยจะมีการเปิดท่องเที่ยวในพื้นที่นี้ก่อน ซึ่งยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆนี้ โดยในระยะแรกจะเป็นการเปิดเที่ยวในพื้นที่เป็นเกาะ เช่น เกาะล้าน เกาะช้าง ก่อนพื้นที่อื่น