นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ทช.ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการก่อสร้างสะพานคลองดู อำเภอละงู จังหวัดสตูล ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 291 ล้านบาทปัจจุบันการก่อสร้างโครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 47 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งฝั่งบ้านตันหยงละไน้ (จุดเริ่มต้นโครงการ) ได้ดำเนินการตอกเสาเข็มเสาตอม่อสะพาน งานติดตั้งคานพื้นสะพานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานตอกเสาเข็มฝั่งบ้านสุไหงมูโซ๊ะ (จุดสิ้นสุดโครงการ) รวมถึงการเตรียมงานก่อสร้างสะพานช่วงกลางน้ำอีกด้วย โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565
สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานคลองดู อำเภอละงู จังหวัดสตูล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางของประชาชนบนเกาะบ้านสุไหงมูโซ๊ะให้สามารถเดินทางเชื่อมระหว่างเกาะกับบนฝั่งแผ่นดินใหญ่บ้านตันหยงละไน้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วปลอดภัย ประหยัดเวลาในการเดินทางหากมีเหตุฉุกเฉินหรือการอพยพประชาชนในกรณีเกิดภัยพิบัติในอนาคต รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางการเกษตรและประมง ส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ มีจุดเริ่มต้นของโครงการจากแยกทางหลวงชนบทสาย สต.3018 จังหวัดสตูล กม.ที่ 18+378 (ฝั่งบ้านตันหยงละไน้) และมีจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้ามัสยิดอัลมุตตกีน (ฝั่งบ้านสุไหงมูโซ๊ะ) โดยก่อสร้างเป็นสะพานแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 1,320 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กต่อเชื่อม ยาว 1,742 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร ไป-กลับ ระยะทางรวม 3,062 เมตร
ทั้งนี้ที่ผ่านมาจังหวัดสตูลได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนบ้านสุไหงมูโซ๊ะ หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล ว่าหมู่บ้านมีสภาพพื้นที่เป็นเกาะตั้งอยู่ใกล้กับบ้านตันหยงละไน้ หมู่ที่ 1 บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ยังไม่มีถนนและไฟฟ้า ทำให้การเดินทางระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากการเดินทางด้วยเรือต้องอาศัยจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลและเสี่ยงภัยคลื่นลมในช่วงมรสุม ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว จังหวัดสตูลจึงขอให้ ทช.พิจารณาสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู แต่เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนจังหวัดสตูล ตอนที่ 1 จึงจำเป็นต้องขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เพื่อขอใช้พื้นที่สำหรับดำเนินโครงการ โดยได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบ