รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางราง(ขร.) กระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศคลายล็อคดาวน์การเดินทางในพื้นที่สีแดง ตั้งแต่วันที่ 1ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ในช่วง สัปดาห์แรก(1-7ก.ย. 64 )ปริมาณผู้โดยสารเดินทางในระบบขนส่งทางรางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 7 ก.ย. 64 มีจำนวนผู้โดยสารในระบบ 3.45 แสนคน/วัน แบ่งเป็น รถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) 1.1หมื่นคน/วัน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 1.4 หมื่นคน /วัน รถไฟฟ้ารางเบา(สายสีทอง) 3.4 พันคน/วัน รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที 1 แสนคน/วัน และ รถไฟฟ้าบีทีเอส 2 แสนคน/วัน โดยพบว่าช่วง 1สัปดาห์แรกของการคลายล็อคดาวน์ นั้นวันที่มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางสูงสุดคือวันที่ 6 ก.ย. มีจำนวน 3.59 แสนคน และวันที่มีจำนวนผู้โดยสารต่ำสุดคือวันที่ 5 ก.ย.64 จำนวน2.1แสนคน
ทั้งนี้ในช่วง ก.ค.64 ที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ประมาณ 2.2 แสนคน/วัน แต่หลังจากวันที่ 1ก.ย. รัฐบาลคลายล็อคดาวน์จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่วันละ 3.5 แสนคน หรือ เพิ่มขึ้นวันละ 1.3 แสนคน ค่อยๆไต่ระดับขึ้นที่นิด เพราะรัฐบาลยังคงมาตรการเคอร์ฟิวหรือจำกัดเวลาการออกนอกเคหสถาน ช่วง 21.00-04.00 น. คาดว่าหากรัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิว ยอดคนเดินทางผ่านระบบรางจะมากขึ้นกว่าปัจจุบันได้อีกเกือบ 50% มียอดคนเดินทางประมาณวันละ 6 แสนคน/วัน
สำหรับในปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบบรางมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 1.2 ล้านคน/วัน แบ่งเป็น รฟท. 8.5 หมื่นคน/วัน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 7.1 หมื่นคน/วัน รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที 3.3 แสนคน/วัน และรถไฟฟ้าบีทีเอส7.3แสนคน ทั้งนี้มั่นใจว่า หากรัฐบาลมีการเปิดประเทศภายใน120 วันตามที่ตั้งเป้าไว้ได้ คาดว่าปริมาณผู้โดยสารในระบบรางจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ เฉลี่ยวันละ 1.2 ล้านคน