นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ปี 2564 โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ถ่ายทอดสดพิธีการจากส่วนกลาง โดยมีหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ร่วมเป็นสักขีพยานผ่านโปรแกรม Zoom เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนว่าสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวจะไม่กลับสู่ท้องตลาดอีก
ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจังทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งพิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสสอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO)
และเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วจะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดอีก
นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนได้รับทราบว่า สินค้าละเมิดฯ ยังเป็นสินค้าด้อยคุณภาพหรือบางรายการอาจเป็นอันตรายส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงอยากให้ผู้บริโภคตระหนักในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
“ปีนี้มีของกลางฯ ที่ถูกนำมาทำลายทั้งสิ้นจำนวน 572,076 ชิ้น อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ และเครื่องสำอาง เป็นต้น โดยเป็นของกลางจากการจับกุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 56,501 ชิ้น กรมศุลกากร 435,049 ชิ้น และกรมสอบสวนคดีพิเศษ 80,526 ชิ้น โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท”