รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทสไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงินลงทุนกว่า 1.42 แสนล้านบาท นั้น พบว่าการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตารา 36 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่เห็นด้วยที่จะเดินหน้าจัดประมูลไปตามหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายบริหารรฟม.เสนอ และเห็นว่าควรรอความชัดเจนของคดีความที่รฟม.ถูกฟ้อง รวมทั้งคดีล่าสุดในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่กำลังพิจารณาอยู่ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาอีก
สำหรับสาเหตุที่คณะกรรมการคัดเลือกเสียงส่วนใหญ่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่จะเดินหน้าจัดประมูลใหม่ในเวลานี้ เนื่องจากที่ผ่านมา ฝ่ายบริหาร บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส(BTS) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้แทน 7 หน่วยงานรัฐที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้แก่ กรรมการผู้แทนสำนักงบประมาณ, เลขานุการคณะกรรมการคัดเลือก, ผู้แทนกระทรวงคมนาคม,ผู้แทนสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ, ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุด ,ประธานคณะกรรมการคัดเลือก และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคัดเลือก โดยเนื้อหาที่ส่งไปนั้น ได้สะท้อนปัญหาการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ก่อนหน้านี้ มีการแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือกโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และดำเนินการขัดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินการคัดเลือกเอกชนผู้ชนะการคัดเลือกที่รัฐต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ดีที่สุด หรือมีการขอรับเงินสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐน้อยที่สุด
“หากคณะกรรมการคัดเลือกฯยังคงนำหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือกโดยใช้คะแนนด้านเทคนิคประกอบด้านราคา ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ครม.กำหนดไว้ บริษัทคงต้องใช้สิทธิ์โต้แย้งและคัดค้าน เพราะคดีความต่างๆ ที่บริษัทได้ยื่นฟ้องฝ่ายบริหาร รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง และคดียังไม่สิ้นสุด เมื่อมีหนังสือเปิดผนึกแบบนี้เข้าไป ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมเป็นกรรมการคัดเลือกจึงไม่อยากเอาอนาคตหน้าที่การงานของตนเข้าไปเสี่ยงด้วย ขณะที่กรรมการผู้แทนบางหน่วยงานได้แสดงท่าทีชัดเจนไม่เอาด้วยกับเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่รฟม.เสนอ จึงทำให้ที่ประชุมยังไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเอกชนผู้รับเหมาในโครงการนี้ได้”
ขณะเดียวกันถ้า รฟม.เดินหน้าจัดประมูลไปตามเงื่อนไขทีโออาร์ TOR เดิม ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.โดยจะพิจารณาเปิดซองข้อเสนอด้านราคา จากบริษัทเอกชนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคก็สามารถจะทำได้ โดยการปรับเพิ่มเกณฑ์ข้อเสนอด้านเทคนิคจากเดิมที่กำหนดไว้ต้องผ่าน 70 % เป็น 85% ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ด้านเทคนิคที่เข้มข้นสูงสุดอยู่แล้ว และยังสอดคล้องกับสิ่งที่ รฟม.ต้องการคือ ได้ผู้รับเหมาที่มีศักยภาพแอละความเชี่ยวชาญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ คาดว่า จะได้ข้อยุติรูปแบบประมูลภายในเดือน พ.ย.64 นี้และเปิดประมูลต้นปีหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่าหุ้นรับเหมายักษ์อย่าง BEM-CK น่าจะได้เปรียบ เพราะมีทั้งรับเหมายักษ์ และผู้ให้บริการเดินรถอยู่ในมือครบวงจร
ทั้งนี้สิ่งที่หลายฝ่ายมองข้ามก็คือ 2 ผู้รับเหมายักษ์ใหญ่ข้างต้นที่เคยจับมือร่วมประมูลงานเมกะโปรเจกต์รัฐมาหลายโครงการทั้งรถไฟฟ้า สายสีเหลืองและสีชมพู ของ รฟม.เอง และโครงการมอเตอร์เวย์สายบางประอิน-โคราช และบางใหญ่ -กาญจนบุรี วงเงินกว่า 60,000 ล้านแต่ก็วืดไปหมด ส่วนโครงการที่คาดว่าจะได้แบบนอนมา อย่างรถไฟฟ้า สายสีส้ม และสายสีม่วงใต้ ก็ยังคาราคาซังปิดดีลไม่ลงในปัจจุบัน
หากท้ายที่สุดภายหลังการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ยังไม่เห็นชอบกับเกณฑ์ประมูลคัดเลือกตามที่ รฟม.นำเสนอนั้น กลับมีกระแสข่าวว่า มีแนวโน้มที่กระทรวงคมนาคม และ รฟม.อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการคัดเลือกใหม่อีกครั้ง เพื่อเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป