นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัง นายตีแยรี มาตู (H.E.Mr. Thierry Mathou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และคณะเข้าพบ เนื่องในโอกาส เข้ารับหน้าที่และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและฝรั่งเศส เบื้องต้นทางกระทรวงได้ร่วมลงนามในร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเปลี่ยนผ่านทางนิเวศวิทยา กำกับดูแลการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างกันในทุกมิติ โดยกำหนดการจัดพิธีการลงนามปฏิญญาดังกล่าว คาดว่าจะจัดขึ้นภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศไทยคลี่คลายลง โดยคำนึงถึงมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ
“เราได้เชิญชวนนักลงทุนจากประเทศฝรั่งเศสให้เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการสำคัญของกระทรวงฯ อาทิ โครงการก่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงอากาศยานของไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในภูมิภาคอาเซียน มุ่งสู่การเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกับระบบราง (MR-MAP) และโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย (Southern Land Bridge) ที่เชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำระหว่างทะเลอันดามันและอ่าวไทยผ่านจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร เพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ของมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก และยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น Transshipment ศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำของภูมิภาค นอกจากนี้ ทางฝรั่งเศสยังมีท่าทีสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน”
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน เพื่อต่อยอดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีระหว่างกันในด้านการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน รวมถึงด้านเทคโนโลยี (Artificial Intelligence: AI) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน โดยกระทรวงฯ ได้นำเสนอผลงานการคิดค้นและขับเคลื่อนการนำยางพารามาผลิตเป็นแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต และหลักนำทางยางธรรมชาติ โดยการปรับรูปแบบนำยางพารามาใช้กับอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับประชาชน นอกจากนี้ ทางฝรั่งเศสยังได้นำเสนอโครงการ Helicopter Emergency Medical Services (HEMS) ซึ่งเป็นบริการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน ซึ่งจะสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ โดยมีแผนจะนำร่องในพื้นที่ EEC
ทั้งนี้ด้านความคืบหน้าโครงการความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเมืองและการรักษามรดกชุมชนอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต (SUTRHE) ซึ่งกระทรวงฯ มีความร่วมมือทางวิชาการกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (AFD) ในโครงการความร่วมมือทางวิชาการการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเมืองและการรักษามรดกชุมชนอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต (Technical Cooperation on Sustainable Urban Transport and Heritage (SUTRHE) Project in Phuket) ในปี 2563 - 2564 ครอบคลุม ถึงโครงการรถไฟฟ้ารางเบา กระเช้าไฟฟ้า และรถโดยสารสาธารณะเพื่อพัฒนาเป็นเครือข่ายขนส่งสาธารณะของภูเก็ตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและมรดก นอกจากนี้ AFD ยังยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย รวมถึงการสนับสนุนทั้งในด้านการเงิน การวิจัย และการศึกษาในโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของไทย