แผนเปิดเมืองเป็นความหวัง การกลับมาฟื้นเศรษฐกิจสังคมในพื้นที่ จากการกลับมาเปิดกิจการ รับนักเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแบบวิถีปกติใหม่ (นิว นอร์มอล) ที่ต้องวางแนวปฎิบัติให้ได้มาตรฐานด้านสาธารณสุข (Standard Operating Procedure : SOP) เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเชื้อโควิด- 19 ให้ทันไทม์ไลน์ที่วางไว้
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป จังหวัดสตูล จะเปิดแหล่งท่องเที่ยวที่ได้จัดสภาพแวดล้อมของกิจการที่มีความเสี่ยง ให้เป็นแบบปราศจากโควิด(COVID-Free Setting) จำนวน 2 จุดด้วยกันคือ ปากบารา-เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวทางทะเล และล่องแก่งวังสายทอง
โดยจัดมาตรฐานการปฏิบัติ (Standard Operating Procedure : SOP) เช่น การได้รับวัคซีน, การตรวจคัดกรองด้วยเอทีเค, เส้นทางการเดินทางว่าท่องเที่ยวได้อย่างไร ในส่วนของผู้ประกอบการก็จะต้องมีแนวทางความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety& Health Administration (SHA)
ส่วนเรื่องเรือได้วางข้อกำหนดเช่นกัน ทั้งเส้นทางการเข้าออก จำกัดจำนวนผู้โดยสารนั่งได้ไม่เกิน 75% ก่อนลงเรือทุกคนต้องผ่านการคัดกรอง เช่น คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ต้องมีผลตรวจเอทีเคเท่านั้นจึงจะสามารถลงเรือไปได้ และการตรวจเอทีเคจะต้องตรวจมาจากต้นทางเท่านั้น
“จะไม่มีจุดรับบริการตรวจเอทีเค ที่ท่าเรือปากบารา เน้นเลยว่าจะต้องเป็นการตรวจเอทีเค มาจากต้นทางเท่านั้น การท่องเที่ยว การจองตั๋วเรือการจองโรงแรม จะต้องทำมาล่วงหน้าซึ่งทั้งหมดคือแนวปฎิบัติในเบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. และ พ.ย. 2564”
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวอีกว่า การเปิดแหล่งท่องเที่ยวใน 2 จุดเป็นการนำร่องนี้ ทางจังหวัดได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการในการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติ SOP ลักษณะคล้ายกับศูนย์บัญชาการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพียงแต่ย่อส่วนลงมา ทำหน้าที่คอยดูแล ติดตามและแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนพื้นที่อื่นๆ สำหรับการเดินทางเข้าพื้นที่ใช้มาตรฐานของยูนิเวอร์แซล พรีเวนชั่น (Universal Prevention) หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาลและคำสั่งจังหวัด
ด้านนายมุกตา บู่เอียด นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจเกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า การกลับมาเปิดเกาะครั้งนี้เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวคนไทย ที่มีกลุ่มลูกค้าอยู่ และสามารถสร้างแรงจูงใจให้คนมาท่องเที่ยวได้ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นยังต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะ
ส่วนที่จังหวัดหนองคายนางธนพร พูนเพิ่ม ผอ.ททท.สำนักงานอุดรธานี รับผิดชอบพื้นที่กลุ่มจังหวัดนคราธานี ประกอบด้วย อุดรธานี หนองคายบึงกาฬ ประชุมร่วมกับผู้บริหารหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เตรียมจัดเทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2564
ชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค “มหัศจรรย์ฝั่งโขง” นำร่องการเปิดเมืองเช่นกัน มีการพิจารณากิจกรรมให้สอดคล้องกับคำสั่ง ศบค. และคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.หนองคาย และตามมาตรการรักษาความปลอดภัย DMHTTA อย่างเข้มงวด
โดยปีนี้ให้จัดในพื้นที่ 5 อำเภอประกอบด้วย อ.สังคม ศรีเชียงใหม่ เมืองหนองคาย โพนพิสัย และ อ. รัตนวาปี ลดจำนวนวันลงเหลือช่วงระหว่าง 21-23 ต.ค. 2564 ให้งดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ ทั้งการละเล่น การแสดง ดนตรี ทุกชนิด
จัดให้มีเพียงพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค การชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคตามสถานที่ที่คาดว่าจะเกิดปรากฎการณ์ โดยจัดพื้นที่แบบเว้นระยะห่าง และต้องอยู่ภายในพื้นที่กำหนด การตักบาตรเทโวโรหนะ การไหลเรือไฟ ซึ่งกำหนดแนวปฎิบัติการจัดทำเพื่อควบคุมการระบาดด้วยเช่นกัน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค จังหวัดหนองคายในปีนี้นั้น มีมาตรการที่เคร่งครัดเช่นกัน โดยอนุญาตเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือมีผลตรวจ ATK ใน 24 ชั่วโมง มาแสดงเท่านั้น และจะมีการตั้งจุดคัดกรอง กำหนดพื้นที่ จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ให้สามารถปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศเดินทางมาจับจองที่พักตามโรงแรม รีสอร์ท โฮมสเตย์ต่างๆจนเต็ม เกิดเม็ดเงินสะพัดปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ปีนี้เนื่องจากยังมีการระบาดเชื้อโควิด-19 และมีข้อกำหนดต่างๆในการเดินทางเข้าพื้นที่ ทำให้จำนวนและเม็ดเงินที่จะหมุนเวียนอาจลดน้อยลง แต่ถือว่าเป็นการเริ่มกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไป
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,722 วันที่ 14-16 ตุลาคม พ.ศ.2564